คืนเคานต์ดาวน์สู่ปีใหม่! 3วันผ่านดับสังเวยเซ่นบนท้องถนนแล้ว 128 ราย เกิดอุบัติเหตุ 1,150 ครั้ง เจ็บระนาว 1,151 คน ‘เมืองกาญจน์-กทม.’ยึดแชมป์สูญเสียสะสมสูงสุด ขณะที่ 22 จังหวัดตายเป็นศูนย์ ‘ศปถ.’ กำชับเข้มกฎหมายพวก‘ขับซิ่ง-ดื่มแล้วขับ’ ดูแลความปลอดภัยช่วงเดินทางของประชาชน
1 มกราคม 2567 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 31ธ.ค.66 ซึ่งเป็นวันที่3ของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 424 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 416 คน ผู้เสียชีวิต 51 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 37.26 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 32.78 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 86.91 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 80.19 ถนนใน อบต./หมู่บ้านร้อยละ 37.03 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 36.56
ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 00.01 – 01.00 น. ร้อยละ 8.02 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด อยู่ในช่วงอายุ 20 - 29 ปี ร้อยละ 21.20 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,780 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,670 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี (18 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (20 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครพนม และอุดรธานี (จังหวัดละ 4 ราย)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 3 วันของการรณรงค์ (29 – 31 ธ.ค. 66) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,150 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 1,151 คน ผู้เสียชีวิต รวม 128 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ กาญจนบุรี (44 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี (43 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (8 ราย) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 22 จังหวัด
รองผบ.ตร. กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม วันนี้ (1 ม.ค.) ยังอยู่ในช่วงเฉลิมฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ประชาชนบางส่วนยังคงเดินทางท่องเที่ยวและทำบุญตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงประชาชนส่วนใหญ่เดินทางกลับเข้าสู่กรุงเทพมหานครและจังหวัดเขตเศรษฐกิจในภาคต่าง ๆ ทำให้เส้นทางหลักและเส้นทางสายรองที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด มีปริมาณรถหนาแน่น ศปถ. จึงได้ประสานจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องในเส้นทางสายต่าง ๆ โดยเฉพาะเส้นทางสายรองที่เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านและอำเภอ ซึ่งประชาชนใช้เป็นทางลัดออกสู่ถนนสายหลัก พร้อมคุมเข้มผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย รวมถึงประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการขับรถเร็วและง่วงหลับใน
นอกจากนี้ ให้ดูแลความปลอดภัยของประชาชนบริเวณสถานีขนส่ง ตรวจสอบพนักงานขับรถและสภาพรถโดยสารให้มีความพร้อมในการให้บริการผู้โดยสารและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า ศปถ. ได้กำชับให้กวดขันพฤติกรรมเสี่ยงขับรถเร็วและดื่มแล้วขับบนเส้นทางสายหลักและสายรองในช่วงเวลามีสถิติอุบัติเหตุสูง และเน้นย้ำให้ด่านชุมชนปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อป้องปรามผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ให้สวมหมวกนิรภัยและไม่ขับขี่ด้วยความคึกคะนองและเสี่ยงอันตราย รวมถึงเตรียมความพร้อมการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขับขี่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงจุดเกิดเหตุและรับส่งผู้ประสบเหตุได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ขอฝากประชาชนให้เฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ด้วยความไม่ประมาทและเพิ่มความระมัดระวังอุบัติภัยที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงดูแลสภาพร่างกายให้พร้อมขับขี่ และตรวจเช็คสภาพรถให้ปลอดภัยก่อนออกเดินทางกลับ เพื่อให้การเริ่มต้นปีใหม่ 2567 เป็นไปด้วยความสุขและความปลอดภัย
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี