ผลชันสูตรศพ ด.ช.วัย 2 ขวบยัดตู้เย็น แพทย์ชี้เสียชีวิตจากข้าวเหนียวติดคอ ตร.เผยเป็นอุบัติเหตุเสียชีวิต ด้าน 'พ่อเลี้ยง-แม่เลี้ยง' โดนข้อหาปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ ปู่รอด
ความคืบหน้าคดีพบร่าง ด.ช.ธีรพงษ์ วัย 2 ขวบ 2 เดือน เสียชีวิตเป็นศพอยู่ในตู้เย็นภายในห้องนอนของนายหาญณรงค์ หรือแบงค์ พ่อเลี้ยง และ น.ส.มาริสา หรือก้อย แม่เลี้ยง ที่บ้านพักใน ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แล้วว่า พบก้อนข้าวเหนียวเข้าไปอุดตันอยู่ในหลอดลมจนเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตลง ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุด วันที่ 7 ม.ค.2567 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานผลการชันสูตร ด.ช.ธีรพงศ์ อายุ 2 ขวบ 2 เดือน ว่าเสียชีวิตจากข้าวเหนียวติดคอ จึงได้สอบถาม พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง ได้รับการยืนยันทางด้านคดีว่า ผลการชันสูตรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ออกมาว่าเด็กกินข้าวเหนียวแล้วติดคอเสียชีวิต ประกอบกับจากการสอบปากคำนายสมบุญ หรืออู๊ด ปู่ของเด็ก บอกว่าเด็กเดินมาขอข้าวเหนียวไปกิน จากนั้นเด็กก็เดินเข้าห้องนอนแล้วก็หายไป ซึ่งสอดคล้องกับผลการตรวจที่เกิดเหตุว่าพบข้าวเหนียวในปากเด็ก และเศษข้าวเหนียวบนที่นอน จึงถือว่าคดีนี้เป็นอุบัติเหตุเด็กสำลักข้าวเหนียวจนติดคอเสียชีวิตเอง
ส่วนคดีซ่อนเร้นอำพรางศพ เนื่องจากพ่อเลี้ยง และแม่เลี้ยงกลัวความผิดจากร่องรอยเขียวช้ำตามตัว จึงได้นำศพเด็กไปซ่อนในตู้เย็น ซึ่งพ่อเลี้ยงโดนแจ้งข้อหา ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ ไม่แจ้งสาเหตุการตาย เสพยาเสพติด และแม่เลี้ยงถูกแจ้งข้อกล่าวหา ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ ไม่มีการแจ้งข้อหาปู่ เพราะถือว่าเป็นอุบัติเหตุ
จากการสอบปากคำ นายสมบุญ หรือปู่อู๊ด อายุ 70 ปี ซึ่งพิการทางสายตา และอยู่อาศัยในบ้านหลังเกิดเหตุเดินทางมาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังถูกนายแบงค์ และ น.ส.ก้อย หลานชายกับหลานสะใภ้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และซัดทอดว่า นายสมบุญหรือปู่อู๊ดเป็นคนป้อนข้าวเหนียวให้กับน้องนาย ก่อนที่น้องนายจะเสียชีวิตจากสาเหตุข้าวเหนียวติดคอ
โดยนายสมบุญ ให้ปากคำว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 2 ม.ค. ขณะตนกำลังนั่งฟังวิทยุ และกินข้าวเหนียวกับลาบหมูอยู่ในบ้านชั้นล่างนั้น น้องนายได้เดินเข้ามากอดตน ตนจึงได้ลูบหัวน้องนายแล้วถามว่าเอาข้าวเหนียวไหม น้องนายก็ยกกระติ๊บข้าวเหนียวมาใส่ที่มือของตน ตนจึงได้หยิบเอาข้าวเหนียวป้อนให้น้องนายไปหนึ่งคำ โดยยังได้บอกกับน้องนายด้วยว่า เคี้ยวให้ดีๆ ระวังติดคอ เสร็จแล้วให้กินน้ำตาม ต่อมาเด็กชายได้จับมือของตนไปที่กล้วยน้ำว้าที่วางอยู่ ตนจึงหยิบกล้วยน้ำว้าขึ้นมาแกะแล้วแบ่งครึ่งให้น้องนายกินครึ่งลูก และตนก็กินอีกครึ่งลูกที่เหลือ
จนกระทั่งตนกินอาหารเสร็จก็กินยาตาม ส่วนน้องนายตนได้ยินเสียงวิ่งกลับไปที่ห้องแล้ว ตนจึงเดินออกไปคัดแยกขวดกับของเก่าเพื่อเตรียมไว้ขาย และหลังจากนั้นตนก็ไม่ได้เจอน้องนายอีกเลย โดยเข้าใจว่านายแบงค์หลานชาย และน.ส.ก้อย หลานสะใภ้ได้พาน้องนายไปส่งคืนให้กับพ่อเด็กตัวจริงแล้ว เพราะไม่ได้ยินเสียงของน้องนายมาตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. - 5 ม.ค. ได้ยินแต่เสียงเข้าออกบ้านของนายแบงค์กับน.ส.ก้อย เพียงเท่านั้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะประชุมสรุปสำนวนคดีในบ่ายวันนี้ จากนั้นจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนฝากขังศาลจังหวัดนนทบุรีในวันจันทร์ ต่อไป
---017
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี