‘ดีเอสไอ’เขย่าก๊วนหาความเชื่อมโยงนักการเมือง-เจ้าหน้าที่รัฐ จ่อเรียก‘เจ้าหน้าที่เกษตร’สอบปากคำ เค้นโควต้าขายส่ง ‘ตีนไก่’-ต่อจิ๊กซอว์โยง‘หมูเถื่อน’ ขณะที่อีก 2 รายหลบหนีหมายจับ เร่งติดตามจับกุม
ความคืบหน้ากรณีเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (11 ม.ค.67) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คดีหมูเถื่อน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำหมายจับ 4 บุคคลมาเฟียในขบวนการหมูเถื่อน เปิดปฏิบัติการค้น 5 จุดทั่วกรุงเทพฯ หนึ่งในนั้น คือ บ้าน “เฮียเก้า” น้องชายนักการเมืองพรรคใหญ่ แต่เจ้าตัวหนีออกไทยตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.66 (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ดีเอสไอนำ4 หมายจับล็อกมาเฟียหมูเถื่อน ‘เฮียเก้า’น้องชายนักการเมืองดัง ลุยค้นบ้านพบเผ่นหนีไปแล้ว)
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (11 ม.ค.67) ที่บริษัทย่านแขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ภายหลังการเข้าตรวจค้นของคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน พบว่า พื้นที่เป้าหมาย 1 จุดนี้ เป็นอาคารพาณิชย์ตีทะลุ 2 คูหา จำนวน 4 ชั้นครึ่ง ทาสีเขียว-ขาว
เบื้องต้นจากการตรวจสอบการจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลพบว่าบริษัทดังกล่าวจดจัดตั้งเพื่อผลิตเครื่องนอน ผ้าสำหรับใช้บนโต๊ะอาหาร ห้องน้ำและห้องครัว โดยผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ กระทั่งล่าสุดเปลี่ยนการจดทะเบียนเป็นการผลิตสินค้าที่แปรรูปจากกระดาษเพื่อใช้ในครัวเรือนและสุขอนามัย และผลิตจัดจำหน่ายผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็ก ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 6 ล้านบาท มีชื่อผู้จดทะเบียนเป็นกรรมการบริษัท คือ นายหลี่ หรือเฮียเก้า สัญชาติจีน และนายกรินทร์ บุตรชายของนายหลี่
พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวภายหลังการเข้าตรวจค้น ว่า หลังจากที่ได้ขอศาลอาญาออกหมายจับแก่ 4 บุคคล ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าตู้เนื้อสัตว์เถื่อนมายังประเทศไทย พบว่าใน 4 รายนี้ 2 ราย คือ นายหลี่ หรือเฮียเก้า สัญชาติจีน และนายกรินทร์ บุตรชายของนายหลี่ หรือเฮียเก้า พักอาศัยอยู่ที่นี่ จึงได้มาตามหมายจับของศาล แต่ปรากฏว่าในวันนี้ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ที่บ้านแห่งนี้แล้ว เพราะจากการสืบสวนและการให้ปากคำของคนในบ้านหลังนี้ ทราบว่าทั้งคู่ยังอยู่ต่างประเทศ เดินทางไปก่อนหมายจับออก
อย่างไรก็ตาม การตรวจค้นในวันนี้เราจะนำพยานเอกสารที่ยึดได้ไปขยายผลหาผู้บงการแท้จริงต่อไป สำหรับพยานหลักฐานที่เราพบ คือ เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกตีนไก่ไปจำหน่ายยังประเทศจีน และเอกสารที่เราตรวจยึดมั่นใจได้ว่าจะขยายผลไปพบกับผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อขอศาลออกหมายจับเพิ่ม เพราะเนื้อหาระบุชัดเจนถึงการส่งออกตีนไก่ในช่วงปี 64-66 และรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเฮียเก้าในการส่งจัดจำหน่าย ส่วนเอกสารการนำเข้าตีนไก่จากประเทศที่สาม อาทิ บราซิล หรืออุรุกวัย วันนี้เรายังไม่พบแต่อย่างใด
สำหรับพฤติการณ์ของการส่งจำหน่ายตีนไก่ไปขายประเทศจีนนั้น พบว่ามีการนำเข้าจากประเทศที่ 3 และนำเข้ามายังประเทศไทยเพื่อแปรรูปและเปลี่ยนแปลงบรรจุภัณฑ์ ก่อนส่งจำหน่ายไปยังประเทศจีน โดยทั้งกระบวนการมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนนักการเมืองจะมีเกี่ยวข้องหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อขยายผล
นอกจากนี้ เฮียเก้า เป็นคนจีน ส่วนจะเกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองรายใด ดีเอสไอจะต้องไปตรวจสอบเช่นกัน สำหรับกรณีที่ลูกชายของ เฮียเก้ามีนามสกุลไทยนั้น เราจะไปตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารที่ได้ยึดวันนี้
“สำหรับโควตาของบริษัทเฮียเก้าที่ส่งจำหน่ายไปยังประเทศจีน อยู่ระหว่างการตรวจสอบกับหน่วยงานของรัฐ ว่าบริษัท เฮียเก้า ได้โควต้าในการจัดส่งตีนไก่และชิ้นส่วนไก่ปริมาณเท่าไร และเราจะต้องเชิญเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าให้ข้อมูลข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพื่อขยายผลต่อเนื่อง ว่า เจ้าหน้าที่ให้โควต้าบริษัทใดบ้าง ส่วนภาพถ่ายที่ปรากฏในสื่อมวลชนที่ เฮียเก้า ได้ร่วมบันทึกภาพกับข้าราชการฝ่ายการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐนั้น เราจะไปตรวจสอบเช่นกัน ในส่วนของการใช้ชื่อสมาคมไปแสวงหาผลประโยชน์หรือไม่นั้น ก็จะต้องตรวจสอบร่วมด้วย” พ.ต.ต.ณฐพล กล่าว
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวอีกว่า สำหรับการนำเข้าซากไก่ของบริษัท เฮียเก้า และกลุ่มคนที่นำเข้าชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งนั้น อาจมีความเชื่อมโยงกันในส่วนของบริษัทชิปปิ้งเอกชน เพราะบางบริษัทชิปปิ้งอาจนำเข้าทั้งชิ้นส่วนสุกรและชิ้นส่วนไก่ แต่ของบริษัท เฮียเก้า เราต้องไปดูว่านำเข้าแค่ตีนไก่อย่างเดียวหรือไม่ อย่างไรก็ตามบุคคลทั้ง 4 รายในหมายจับล้วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้าตีนไก่ออกจำหน่ายประเทศจีน ในกรณีของอีก 2 ราย ที่อยู่ระหว่างติดตามจับกุม ได้แก่ นายหยาง และ น.ส.นวพร จะต้องตรวจสอบด้วยว่ามีบทบาทกับบริษัทของ เฮียเก้า อย่างไร เพราะทั้งคู่ก็อยู่ในบริษัทที่จัดจำหน่ายตีนไก่ไปยังประเทศจีน
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า แม้ในการตรวจค้นวันนี้เราจะไม่สามารถจับกุม เฮียเก้า และลูกชายได้ แต่เราจะนำข้อมูลและพยานเอกสารที่ได้รับไปขยายผลต่อหาความเชื่อมโยง และต้องตรวจสอบให้ได้ว่า เฮียเก้า ยังอยู่ในประเทศไทย หรือเดินทางออกไปยังต่างประเทศ ตามคำบอกเล่าของคนในบ้านแห่งนี้ ซึ่งการที่เราแจ้งข้อหาฐานอั้งยี่ซ่องโจร ก็เพราะว่ากลุ่มของเฮียเก้าอยู่ในคดีพิเศษที่ 127/2566 ซึ่งดีเอสไอดำเนินการเกี่ยวกับขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์เถื่อนกว่า 10,000 ตู้ ทั้งหมูเถื่อน วัวเถื่อน และตีนไก่สวมสิทธิ มีผู้เกี่ยวข้องหลายส่วน อาทิ เจ้าหน้าที่รัฐ นายทุน บริษัทชิปปิ้งเอกชน และหน้าเสื่อเคลียร์ทาง จึงต้องแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี