15 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับการร้องเรียนเพื่อขอความช่วยเหลือจาก นายต๊ะ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี พ่อค้าขายกระเป๋าแฟชั่นในตลาดนัดแห่งหนึ่งว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่กำลังเตรียมเปิดร้านขายของในตลาด ได้ถูกชายฉกรรจ์จำนวน 4 คน เดินเข้ามาหาที่ร้าน พร้อมกับโชว์บัตรให้ดูและอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เข้าทำการตรวจค้นภายในร้านก่อนจะทำการรื้อค้นและหยิบเอากระเป๋าแฟชั่นยี่ห้อต่างๆ ประมาณเกือบ 20 ใบใส่ถุงดำไป จากนั้นได้พาขึ้นรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีดำ 4 ประตู ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว ไม่ได้แสดงเอกสารตัวแทนลิขสิทธิ์ใดๆ ให้ทราบเลยว่าไปขายสินค้าหรือกระเป๋าที่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างว่าจะนำไปเปรียบเทียบปรับที่โรงพัก สภ.รัตนาธิเบศร์ ซึ่งในระหว่างที่ขึ้นรถไปโรงพัก กลุ่มชายฉกรรจ์ได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนายต๊ะเพื่อไม่ให้บันทึกเสียงหรือแอบถ่ายคลิปวีดีโอในขณะที่นั่งรถไปด้วย
นายต๊ะ (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า เมื่อรถของกลุ่มชายฉกรรจ์พาไปถึงโรงพัก ได้ทำการขับวนรอบโรงพักก่อนจะพาออกไปจอดที่ริมถนนข้างโรงพักแล้วบอกว่า สามารถติดต่อใครให้มาเคลียร์ได้ไหม ถ้าไม่มีให้เสียค่าปรับได้ ตนจึงถามว่าค่าปรับเท่าไร ถ้าพอหามาจ่ายไหวก็จะจ่ายให้ แต่ถ้าเป็นจำนวนเงินที่สูงมากเกินไปก็พร้อมถูกดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่นั่งประกบอยู่บอกว่า ถ้าปรับตรงนี้จำนวน 20,000 บาท ถ้าหาเงินมาจ่ายก็จบกันไป ตนจึงตัดสินใจโทรศัพท์ขอหยิบยืมเงินจากแม่ยายจำนวน 20,000 บาท มาโอนจ่ายเข้าบัญชีตามที่กลุ่มชายฉกรรจ์แจ้งมา ซึ่งหลังจากที่โอนเงินให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายฉกรรจ์ก็ปล่อยตัวลงมาจากรถ แต่เมื่อทวงถามเรื่องกระเป๋าที่ถูกยึดมาด้วย ก็คืนมาแค่ 7 - 8 ใบเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 10 กว่าใบ เขาอ้างว่าต้องนำไปเป็นของกลางเพื่อลงบันทึกจับกุม
นายต๊ะ (นามสมมุติ) กล่าวต่ออีกว่า ก่อนที่ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้จะขับรถออกไป ยังได้กำชับกับตนเอาไว้ว่า หลังจากนี้เขาจะเข้ามาเก็บเงินรายเดือนที่ร้านอีกด้วย แต่ยังไม่ได้บอกเรื่องจำนวนเงินแต่ให้เตรียมเงินไว้ ทำให้หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเป็นต้นมา ตนเองกับภรรยาไม่กล้าเปิดร้านขายกระเป๋าอีกเลย เพราะไม่รู้ว่าจะถูกชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจกองปราบย้อนกลับมาจับอีกเมื่อไหร่ ซึ่งไม่คุ้มกับค่าปรับที่เสียไป และด้วยความสงสัยว่าชายกลุ่มนี้ที่อ้างตัวเป็นตำรวจแล้วเรียกเงินค่าปรับไป 20,000 บาท เป็นตำรวจจริงหรือไม่ จึงตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าว เนื่องจากกลัวว่าหากกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเป็นตำรวจจริงก็เกรงว่าจะถูกกลั่นแกล้ง หรือไม่ได้รับความปลอดภัยตามมาภายหลัง อยากให้ทางผู้สื่อข่าวช่วยตรวจสอบบัญชีที่โอนเงินค่าปรับไปให้รวมทั้งไลน์ที่กลุ่มชายฉกรรจ์ให้ตนใช้เป็นช่องทางติดต่อ เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่กล้าเปิดร้านขายกระเป๋าอีก ทำให้ปัจจุบันตนกับภรรยาไม่มีรายได้ รวมทั้งยังไม่มีเงินที่ยืมแม่ยายมาจ่ายค่าปรับอีกด้วย
โดยกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ เมื่อเวลา 16.11 น.นายต๊ะ (นามสมมุติ) สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ มีสกรีนสีขาวด้านหลัง กำลังนั่งไขกุญแจประตูเพื่อจะเปิดร้าน จากนั้นได้มีชายสวมเสื้อยืดสีดำ 2 คน เดินเข้ามาที่ด้านหลัง ยืนพูดคุยกับนายต๊ะ (นามสมมุติ) จากนั้นชายสวมเสื้อแดง สวมแมส เดินมาที่ด้านข้างร้านโดยมีชายเสื้อดำเดินตามหลังไป ก่อนที่จะเดินกลับมารวมกลุ่มกับชาย 2 คนแรก จากนั้นนายต๊ะ (นามสมมุติ) ได้เดินออกจากร้านไป กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คนได้เดินตามนายต๊ะ (นามสมมุติ) ให้กลับมาพูดคุย ขณะเดียวกันชายเสื้อสีแดง ได้แสดงบัตรอ้างว่าเป็นตำรวจกองปราบปราม และให้นายต๊ะ (นามสมมุติ) พาชายเสื้อดำ3 คน เข้าไปตรวจภายในร้าน ซึ่งหลังจากหายเข้าไปสักพักชายเสื้อดำได้หิ้วถุงพลาสติกใบใหญ่ออกมาวางที่ด้านหน้าร้านและให้นายต๊ะ (นามสมมุติ) ปิดประตูร้าน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตลาดสวมเสื้อขาวได้เข้ามาสอบถามและเจรจาแต่ไม่สำเร็จ ชายทั้ง 4 คนจึงได้พานายต๊ะ (นามสมมุติ) พร้อมถุงพลาสติกที่ใส่กระเป๋าเดินออกจากร้านพาขึ้นรถไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี