ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ แนะเตรียมรับมือโควิด โอมิครอน JN.1 ที่กลายพันธุ์เพิ่มเป็น 2 ตำแหน่ง คาดเข้ามาระบาดแทนที่ EG.5.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักของไทยขณะนี้ ด้าน“หมอธีระวัฒน์”ระบุผลกระทบจากการติดเชื้อโควิดและการฉีดวัคซีนในระยะยาว
เมื่อวันที่ 15 มกราคม ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊กCenter for Medical Genomics ให้เตรียมพร้อมกับเชื้อโควิด-19 โอมิครอน JN.1 ที่คาดว่าจะระบาดเข้ามาแทนที่ EG.5.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักของประเทศไทยในขณะนี้ ระบุว่า เตรียมพร้อมเผชิญกับโอมิครอน JN.1 ที่กลายพันธุ์บริเวณหนามเพิ่มเติมจาก 1 ตำแหน่ง กลายเป็น 2 ตำแหน่ง ในรูปแบบ “SLip (L455S+F456L)”
ทั้งนี้ ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จากข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรมโควิด-19 ทั้งจีโนมที่แชร์บนฐานข้อมูลโควิด-19 โลก “จีเสด (GISAID)” โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และเครือข่ายสถาบันการแพทย์ต่างๆพบว่า การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังคงเป็นสายพันธุ์ EG.5.1* ประมาณ 244 ราย และ JN* ประมาณ 15 ราย คาดว่า JN จะระบาดเข้ามาแทนที่ EG.5.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักของไทยขณะนี้
ศูนย์จีโนมฯระบุด้วยว่า โอมิครอนในสายของ EG.5.1 กลายพันธุ์บริเวณหนาม 2 ตำแหน่งติดกันคือ “L455F” และ “F456L” มักเรียกการกลายพันธุ์แบบนี้ว่า “FLip” ส่งผลต่อความสามารถของไวรัสในการจับกับตัวรับบนผิวเซลล์ได้ดีขึ้น พร้อมหลบเลี่ยงการเข้าจับและทำลายจากแอนติบอดีที่ผลิตโดยระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์จากการรับการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อตามธรรมชาติ
สำหรับการกลายพันธุ์บริเวณหนามของ L455F หมายถึง มีการแทนที่กรดอะมิโนลิวซีน (L) ด้วยฟีนิลอะลานีน (F) ที่ตำแหน่ง 455 ขณะที่การกลายพันธุ์ของ F456L เกี่ยวข้องกับการแทนที่ของฟีนิลอะลานีน (F) ด้วยลิวซีน (L) ที่ตำแหน่ง 456
โอมิครอนในสายของ JN* เดิมกลายพันธุ์บริเวณหนาม เพียงตำแหน่งเดียวคือ L455S แต่ก็ส่งผลให้ระบาดไปทั่วโลกและเข้ามาแทนที่ EG.5.1 ซึ่งเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานของ XBB ในสหรัฐอเมริกา JN.1 กลายเป็นสายพันธุ์หลัก ร้อยละ 61.6 ของสายพันธุ์ทั้งหมดที่ระบาด ข้อมูลจนถึงวันที่ 6 มกราคม 2567 จากนั้นในเดือนมกราคม 2567 เช่นเดียวกันพบ JN (JN.1, JN.1.1, JN.1.1.1) กลายพันธุ์เพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่งรวมเป็น 2 ตำแหน่งคือ L455S และ F456L พบผู้ติดเชื้อรายแรกในฝรั่งเศส ขณะนี้พบแล้วทั่วโลก 41 ราย เรียกการกลายพันธุ์แบบนี้ว่า “SLip” ยังไม่แน่ชัดว่าสายพันธุ์ JN ที่พบการกลายพันธุ์แบบ SLip mutation จะส่งผลให้เกิดระบาดรวดเร็วและเจ็บป่วยรุนแรงเพิ่มขึ้นไปจาก JN.1 สายพันธุ์เดิมที่ส่วนหนามมีการกลายพันธุ์เพียงตำแหน่งเดียว (L455S) หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ศูนย์จีโนมฯร่วมมือกับห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยา โรงพยาบาล (รพ.) รามาธิบดีเฝ้าติดตามสายพันธุ์ JN ที่พบการกลายพันธุ์แบบ SLip mutation ในบรรดาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย
ด้านศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหัวข้อ “โควิดและวัคซีนผลกระทบแบบยาว”ระบุ โควิดมีแบบสั้นคือ ติดเชื้อแบบไม่มีอาการแพร่ไปให้คนอื่นเสร็จแล้วเชื้อก็หายไปจากตัวหรือติดเชื้อและเกิดอาการเบา กลาง หนักถึงเสียชีวิต หรือแบบต่อเป็นซีรีส์สั้น คือหายจากอาการทางปอด และอวัยวะอื่น ตามต่อด้วยเส้นประสาทอักเสบแขนขาอ่อนแรงอัมพาตหายใจไม่ได้หรือมีสมองอักเสบ ซีรีส์สั้นแบบนี้ อยู่ในระยะเวลาสามเดือน ไม่จำกัดอยู่แต่อาการครั้งแรกต้องหนักมากเสมอไป แม้แต่กลุ่มอาการน้อย ซีรีส์ยาวก็มีความผิดปกติยาวออกไปอีก และตั้งชื่อว่าเป็นหนังยาวของโควิด หรือ ลองโควิด (long Covid)
ศ.นพ.ธีระวัฒน์กล่าวต่อว่า รูปแบบลักษณะดังกล่าวนี้ทับซ้อนกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Myalgic Encephalomyelitis (ME)/Chronic fatigue syndrome (CFS) โดยลักษณะประกอบไปด้วยอาการปวดกล้ามเนื้อที่เกี่ยวโยงกับกระบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นในสมองและระบบประสาทส่วนกลาง รวมทั้งมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ มีอาการเหนื่อยล้ามหาศาล ทำงานไม่ได้ขาดสมาธิ มีความผิดปกติทางระบบประสาทอัตโนมัติและไม่สามารถออกกำลังได้เลย
ส่วนโควิดแบบยาว อาจมีได้สูงถึง 30-50% ของผู้ที่หายจากโควิดฉบับสั้นไปแล้ว และอาการที่เกิดขึ้นมีได้เป็น 100 อย่างและครอบคลุมแทบทุกอวัยวะของร่างกาย โดยมีตัวร่วมโดยเฉพาะความแปรปรวนทางสมอง จิตและอารมณ์ ทั้งนี้ โควิดเก่งกว่ารุ่นแรกตั้งแต่ปี 1934 เพราะกระทบในคนมากกว่า อาการดูเหมือนจะรุนแรงมากกว่าที่เคยปรากฏในรุ่นแรก
ศ.นพ.ธีระวัฒน์กล่าวด้วยว่า จากหลักฐานของ ME/CFS ที่ได้จากรุ่นแรก ซึ่งอาจนำมาใช้อธิบายในโควิด เป็นไปได้ว่าการอักเสบที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ เกิดขึ้นนอกสมองและระบบประสาทแต่สมองรับรู้โดยตอบโต้กับโมเลกุล ชิ้นส่วนเล็กของอนุภาคการอักเสบเหล่านี้ในเลือด และอาจเป็นไปได้ที่มีการส่งผ่านโมเลกุลเหล่านี้ผ่านผนังเส้นเลือดเข้าไปในสมอง ทั้งจากการนำพาเข้าไปหรือซึมผ่านเข้าสมองโดยตรงในบริเวณที่ผนังกั้นไม่แข็งแรง นอกจากนั้น โมเลกุลของการอักเสบเหล่านี้ยังพบในเส้นประสาทเวกัส หรือเส้นประสาทสมองเบอร์ 10 ที่ทอดยาวลงมายังลำไส้ และส่งผ่านการอักเสบเหล่านี้ขึ้นไปจนถึงก้านสมองในวงจรของ NTS (nucleus tractussolitarius) ที่ควบคุมการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติรวมทั้งเส้นเลือดและหัวใจ น่าจะมีผลตามติดต่อเนื่องไปถึงกระบวนการควบคุมการทำงานของฮอร์โมน ที่ควบคุมจากสมองตั้งแต่ในส่วนของ ไฮโปธาลามัส (hypothalamus) ต่อมใต้สมอง (pituitary) และต่อเนื่องมาถึงระบบควบคุมฮอร์โมนในร่างกายถึงต่อมหมวกไต
“ปรากฏการณ์โควิดฉบับยาวจะกลายเป็นภาระสำคัญของระบบสาธารณสุขของทุกประเทศที่มีการระบาดของโควิด เนื่องจากคนที่ถูกกระทบจะมีได้ทุกอายุ ไม่จำกัดเพศ และเกิดจากการติดเชื้อโควิดแบบรุนแรงและไม่รุนแรง ด้วยอาการที่เกิดขึ้นจะบั่นทอนคุณภาพชีวิต ประสิทธิภาพการทำงานกระบวนการความคิดแม้กระทั่งสมาธิ สติปัญญา ความจำถดถอย และรุนแรงถึงขนาดที่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ทุกแขนง รวมถึงจิตแพทย์ เพราะรู้สึกหดหู่ ปฏิเสธสิ่งรอบข้างจนกลายเป็นก้าวร้าวหรือมีปัญหาทางสังคมแบบในปรากฏการณ์หลังมีภาวะเครียดอย่างรุนแรง ยิ่งกว่านั้นยังมีปรากฏการณ์ผลกระทบของวัคซีนโควิด ซึ่งที่ผ่านมาหลังฉีดไปแล้วเกิดความเจ็บป่วยและเสียชีวิตรูปแบบเช่นเดียวกับโควิดแทบทุกประการ ในแบบซีรี่ย์สั้นหรือแบบยาวทอดเวลาเป็นปี ต้องเตรียมตัวไปพร้อมกัน”ศ.นพ.ธีระวัฒน์ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี