DSI ลุยสางคดีหมูเถื่อน
จ่อนัดรองอธิบดีปศุสัตว์
ให้ปากคำฐานะ‘พยาน’
ดีเอสไอ จ่อเรียกรองอธิบดีกรมปศุสัตว์-สัตวแพทย์ โรงแช่เย็น เข้าให้ปากคำในฐานะพยาน คดีหมูเถื่อน-ตีนไก่ สวมสิทธิเผยสอบ ‘เฮียเก้า’30 ประเด็น ก่อนให้ประกันตัวชั้นสอบสวน ในวงเงิน 2 แสนบาท
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชุดคลี่คลายคดีหมูเถื่อน ควบคุมตัวนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า 1 ใน 5 ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีตีนไก่สวมสิทธิส่งออกประเทศจีน หรือคดีพิเศษ ที่ 127/2566 ในความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 , พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 , ความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และร่วมกันฟอกเงิน หลังจากเดินทางกลับมาจากประเทศจีน โดยคุมตัวไปสอบปากคำกว่า 30 ประเด็น ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา ว่าพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีและการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ โดยมี พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เตรียมพิจารณาที่จะเชิญข้าราชการระดับสูง และข้าราชการหน่วยงานของรัฐ เข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง เนื้อวัว ตีนไก่ ชิ้นส่วนไก่ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงปัจจุบัน สำหรับการขยายผลหาผู้ที่มีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดเพิ่มเติม
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า ได้หารือและติดตามความคืบหน้าคดี ภายหลังเฮียเก้าซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน และเข้าให้ปากคำแล้ว ซึ่งในเบื้องต้นยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งข้าราชการในสังกัดในกระทรวงฯ โดยไม่ได้เปิดเผยว่ารู้จักหรือสนิทกับบุคคลเหล่านี้ในระดับไหน
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า การเข้าให้ปากคำของเฮียเก้า นั้น ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวเอง เพื่อต่อสู้คดี พิสูจน์ความบริสุทธิ์จึงได้รับสิทธิในการให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยตีวงเงินประกันไว้ที่ 200,000 บาท และได้รับการปล่อยตัวตั้งแต่คืนที่ผ่านมา แต่กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรและห้ามเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะขยายผลจากคำให้การของเฮียเก้า โดยเฉพาะบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงในกระทรวงเกษตรฯ เบื้องต้นคณะพนักงานสอบสวน อาจจะเชิญรองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เข้ามาให้ปากคำในฐานะพยานก่อน ส่วนระยะเวลานัดหมายขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน
ด้าน พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวถึงการสอบปากคำเฮียเก้า ว่าทางพนักงานสอบสวนได้สอบถามใน 30 ประเด็น เกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งขายตีนไก่ไปจำหน่ายประเทศจีน ส่วนประเด็นอื่นๆที่ผู้ต้องหาไม่ได้ตอบนั้น จะส่งเป็นเอกสารชี้แจงในภายหลัง ส่วนเรื่องของการรู้จักกันหรือมีความสัมพันธ์กับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั้น ทางเฮียเก้า ให้การว่ารู้จักกันมานานแล้ว เพราะประกอบธุรกิจส่งออกสินค้าทางการเกษตร จึงต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงเกษตรฯ
“สำหรับกรณีของนายเฉลิมชัย นั้น เฮียเก้าให้การว่าเป็นการรู้จักกันในรุ่นปู่ เพราะว่าอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่ประเทศจีนด้วยกัน และมีการใช้นามสกุลแซ่เดียวกันเท่านั้น จึงมีบ้างที่อาจมีการไปมาหาสู่กันปกติ แต่ในช่วงที่เฮียเก้า ต้องการเข้ามาทำงานและลงหลักปักฐานที่ประเทศไทย จึงไปติดต่อกับนายวิรัช ปิยพรไพบูลย์ พี่ชายของนายเฉลิมชัย ส่วนกรณีของนายสมเกียรติ กอไพศาล อดีตเลขาฯ ส่วนตัวของนายเฉลิมชัย เฮียเก้า ไม่ได้ให้การในประเด็นนี้ จึงมีหลายคำถามที่ผู้ต้องหาประสงค์จะไปรวบรวมเอกสารมาชี้แจงในภายหลังซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้ต้องหาจะตอบหรือไม่ให้การอย่างไรก็ได้” พ.ต.ต.ณฐพล กล่าว
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวอีกว่า ส่วนนายหยาง และ น.ส.นวพร เชาว์วัยสองสามีภรรยา ผู้ต้องหาในคดีเดียวกันเฮียเก้า ยืนยันว่าไม่รู้จัก แต่เฮียเก้า ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีบางส่วนเช่น เปิดเผยรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องในขบวนการส่งตีนไก่ไปยังประเทศจีนหรือมีขั้นตอนการติดต่อประสานงานกันอย่างไร ความเกี่ยวข้องกับกลุ่มข้าราชการ กลุ่มบริษัทชิปปิ้ง แต่ขอละเว้นการเปิดเผย เพราะต้องใช้ในการขยายผล ส่วนเรื่องสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย ซึ่งเฮียเก้า ดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมฯ เหตุใดรายชื่อที่ปรึกษาและกรรมการจึงมีแต่คนใหญ่คนโต เฮียเก้า ไม่ตอบคำถาม แต่จะขอกลับไปรวบรวมข้อมูลแล้วมาชี้แจงในภายหลังแทนซึ่งพนักงานสอบสวนจะนัดหมายเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้
ขณะเดียวกัน กรณีของนายกรินทร์ปิยพรไพบูลย์ ลูกชายเฮียเก้าที่ยังอยู่ในต่างประเทศ ไม่ได้ติดต่อเข้ามอบตัวตามหมายจับ เฮียเก้า อ้างว่าเคยติดต่อไปหาลูกชายตอนเดินทางออกไปต่างประเทศ เมื่อครั้งที่ยังไม่มีหมายจับ แต่เพราะอยู่กันคนละประเทศ จึงยังไม่สามารถติดต่อลูกชายได้
นอกจากนี้ ทางดีเอสไอเตรียมเรียกสอบปากคำนายสัตวแพทย์ประจำโรงแช่เย็นทั้ง 4แห่ง ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว ภายในสัปดาห์หน้า เช่นเดียวกับข้าราชการระดับสูง หรือระดับ ผอ.กอง สังกัดกรมปศุสัตว์ ในประเด็นวิธีการและส่งออกชิ้นส่วนไก่ ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง โดยสัปดาห์หน้าดีเอสไอจะเดินหน้าลุยขยายผลตรวจสอบสถานที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีหมูเถื่อน-ตีนไก่ แต่ยังไม่สามารถเปิดสถานที่ได้ ระบุได้เพียงว่าอยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล
อย่างไรก็ดี ภายหลังการประชุมหารือ ได้มีการแบ่งหน้าที่เพื่อขยายผลทางคดีเพิ่มเติม โดยพบว่ากรมศุลกากร ได้ส่งหมู 16 ตู้ และเนื้อไก่ปนหมู อีก 74 ตู้ มาให้ดีเอสไอ ตรวจสอบและพิจารณาขยายผลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับคดีที่ดำเนินการอยู่ ซึ่งนับป็นการรับคดีใหม่ ยังไม่มีเลขคดี คงต้องมีการพิจารณารับเป็นคดีพิเศษอีกคดีหนึ่ง เบื้องต้นคาดว่าจะมีกลุ่มบริษัทชิปปิ้ง นำเข้าใหม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี