"บิ๊กเต่า"คาดออกหมายจับเพิ่มคดีเรียกรับเงินอธิบดีกรมการข้าวภายใน 7-8 ก.พ.นี้ พร้อมออกหมายเรีกยพยานไปแล้วกว่า 10 ปาก โยนให้ พฐ.ตอบ ไฟไหม้ก.เกษตร เป็นอุบัติเหตุหรือเจตนาเผาทำลาย ชี้คดีมีหลักฐานเพียงพอไม่จำเป็นต้องเผาทำลายให้หายไป
5 ก.พ.67 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมทีมสืบสวนสอบสวนในคดีเรียกรับผลประโยชน์อธิบดีกรมการข้าว เพื่อวางแนวทางการสืบสวนขยายผล และติดตามความคืบหน้าของคดี หลังจากออกหมายจับและสามารถจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญไปแล้ว 4 ราย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า จากการประชุม น่าจะประมาณวันที่ 7-8 ก.พ.นี้ น่าจะออกหมายจับเพิ่มเติมได้อย่างน้อย 1 คน เป็นคนในกลุ่มนี้ที่มีพฤติการณ์ร่วมกัน ขณะนี้ตำรวจได้ออกหมายเรียกพยานไปแล้วจำนวนมาก เกินกว่า 10 ปาก ทั้งพลเรือน และข้าราชการ มีทั้งในกรมการข้าว และพยานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพราะเคสนี้มีหลายกรณีที่จะต้องหลักฐานเข้าสำนวนการสอบสวน ส่วนบัญชีม้ามีข้อมูลว่าสมัครใจที่จะเข้ามา ส่วนจะอยู่ในรูปผู้ต้องหาหรือพยานขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการก่อน ทั้งนี้ ยังไม่ต้องมีการสอบภรรยาผู้ต้องหา เพราะเป็นเรื่องของพยานหลักฐาน และคดียังไม่จบยังต้องมีการสอบปากคำอีกหลายปาก
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนการให้การของผู้ต้องหาที่ให้ไปคำชี้แจง ภายใน 15 วันนั้น ขณะนี้ ก็ยังไม่มีการทำคำชี้แจงกลับมาให้พนักงานสอบสวน ขณะที่วงอื่นที่มีความเสียหาย 90-100 ล้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ก็มีผู้เสียหายเข้ามาหลายราย และยืนยันว่าจะเดินทางมา แต่ก็ยังไม่มีใครเข้ามาให้ปากคำ ซึ่งในส่วนผู้เสียหายก็อยากให้เข้ามาแจ้งความ แต่ก็ไม่ได้บังคับ เพราะถ้ามาก็จะทำให้เปิดคดีของวงใหม่ได้ ซึ่งตรงนี้เรามีพยานหลักฐานข้อนค้างชัดเจน ถ้ามีการแจ้งความดำเนินคดี ตนเองยังเชื่อมั่นในพยานหลักฐาน
เมื่อถามถึงกรณีไฟไหม้ชั้น 2 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่ามีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ยังไม่มีความเกี่ยวโยงกัน แต่วงอื่นนั้นตนเองยังไม่ทราบ และยืนยันว่าตำรวจทำไปตามพยานหลักฐานและอะไรที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงก็พยายามเจาะข้อมูลไป ส่วนจะไปเกี่ยวข้องกับใครหากไม่มีพยานหลักฐานก็ยังไม่สามารถพูดได้ และพยานหลักฐานคดีการทุจริต เป็นการทำอย่างต่อเนื่องไม่ได้เก็บพยานหลักฐานเพียงแค่แปปเดียวแล้วจบเลย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า หลักฐานเบื้องต้นมีเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องเผาทำลายให้หายไป และเชื่อว่ามีพยานหลักฐานเก็บในที่อื่น ส่วนจะมีเจตนาเผาทำลายหรือเป็นอุบัติเหตุให้พิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบก่อน ส่วนมีตัวการที่ใหญ่กว่านายเอกลักษณ์หรือไม่ การนำพยานหลักฐานเข้ามาร้อง คนบางคนต้องการตำแหน่ง บางคนต้องการเงิน แนวทางการสืบสวนพอรู้ แต่พอสอบเข้าสำนวน ค่อนข้างที่จะยากนิดหนึ่ง
“ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชการตำรวจสอบสวนกลาง มีความเป็นห้วงเพราะคดีขยายวงกว้าง พยานหลักฐานที่จะนำเข้าสู่สำนวนต้องทำให้ทันส่งอัยการ เพราะ ป.ป.ป.มีกำลังพลน้อยมีคดีเยอะ จึงนำชุดสืบสวนสอบสวนเข้ามาช่วย โดยได้ตั้งรูปแบบคณะกรรมการสอบสวนเข้ามา มี พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. ที่ดูแลงานสอบสวน เป็นหัวหน้าคณะฯ คาดว่า จะส่งสำนวนได้ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน และการสรุปสำนวนคดี ขณะนี้ยังมีเวลาอีกเยอะ เพื่อทำพยานหลักฐานให้แน่นหนา และเราเก็บพยานหลักฐานมา 3-4 เดือน โดยที่กลุ่มผู้ต้องหาไม่รู้ตัว ปล่อยไก่ ประมาทเลินเล่อ ทำกันเป็นประจำโดยไม่คิดว่ามีคนเข้ามาร้องมาสู้ และทำให้ทิ้งพยานหลักฐานไว้เยอะ พร้อมยืนยันย้ำว่า คดีนี้ยังไม่มีใครโทรเข้ามาขอเคลียร์ ยืนยันแน่นอน ไม่มี สบายใจได้ อยู่ที่นี่โปร่งใสตรงไปตรงมาตามสโลแกนของตำรวจสอบสวนกลาง” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่ได้นำข้อมูลของข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 คน ที่พบว่าเป็นคนให้ข้อมูลของกรมการข้าวกับกับนายเอกลักษณ์ หนึ่งในผู้ต้องหานั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ตนเองยังไม่เห็นหลักฐาน แต่ได้พูดคุยกัน ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เพราะเป็นพยานแวดล้อม โดยจะนำหลักฐานไปเข้าสำนวน ว่าแก๊งค์นี้มีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดอย่างไร เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และเท่าที่ฟังมีแผนปทุษกรรมใกล้เคียงกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี