ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีศาลจังหวัดกาญจนบุรีนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีหวย 30 ล้านอลเวงที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ เอาคืนด้วยการฟ้องกลับนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา รวม 3 คดี ประกอบด้วยคดีที่ ร.ต.ท.จรูญ ยื่นฟ้อง ครูปรีชา ใคร่ครวญ รวมทั้งนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น และนางพัชริดา พรมตา หรือ เจ๊พัช คดีหมายเลขดำที่ อ.2185/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อ.3355/2561 ในข้อหาความผิดฐาน "ร่วมกันเบิกความเท็จ" คดีที่หมวดจรูญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องครูปรีชา กับพวกรวม 10 คนคดีหมายเลขดำที่ อ.1558/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อ.2707/2566 ในข้อหา "ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม" และคดีหมวดจรูญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา และนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความส่วนตัว คดีหมายเลขดำที่ อ.2512/2562 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.2461/2564 ในข้อหาหรือฐานความผิด "ร่วมกันเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญา" หลังจากศาลพิจารณาแล้วเสร็จ
นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความส่วนตัวของครูปรีชา และเป็น 1 ในจำเลยที่ถูกหมวดจรูญฟ้องจึงออกมาเปิดเผยภายหลังว่า วันนี้ศาลท่านยังไม่ได้อ่านคำพิพากษาเนื่องจากว่าคู่กรณีไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลท่านจึงส่งสำคำพิพากษาไปที่ภาคเพื่อร่างคำพิพากษาเสียก่อนและได้มีการเลื่อนอ่านคำพิพากษาอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 20 มี.ค.67 ซึ่งวันนี้ศาลท่านยังไม่ได้อ่านคำพิพากษาจึงยังไม่ทราบว่าใครผิดถูกอย่างไร
สำหรับกระบวนการไกล่เกลี่ยที่ยังไม่ลงตัวนั้นอยู่ที่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว เนื่องจากหากมีเงินจำนวน 2.5 ล้านบาทมาให้ลุงจรูญก็พร้อมที่จะรับแต่ปรากฏว่าครูปรีชาไม่สามารถที่จะนำเงินมาชำระได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงทำให้หมวดจรูญ ไม่ประสงค์ที่จะเจรจาอีกต่อไป ส่วนตัวของตนไม่ขัดข้องหากคู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะยอมเจรจากัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าคดีที่ถูกฟ้องจะส่งผลกระทบหรือไม่ในฐานะที่เป็นทนาย นายวรยุทธ ตอบว่า คงไม่ส่งผลกระทบอะไรและตนยังเชื่อมั่นในวิชาชีพของทนายความอยู่ การที่ตนต้องมาถูกฟ้องดำเนินคดีก็ทำในฐานะหน้าที่วิชาชีพของทนายความ
ขณะที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอบอกสื่อมวลชนก่อนว่าวันนี้มีทั้งหมด 3 คดี คดีแรกคือคดีที่ลุงจรูญฟ้องครูปรีชากับทนายวรยุทธในความผิดฐาน "ร่วมกันเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญา" ซึ่งคดีนี้ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันนี้แต่บังเอิญว่าอยู่ในขึ้นตอนที่จะต้องส่งไปให้ท่านอธิบดีฯตรวจคำพิพากษาก่อน ซึ่งคดีนี้ถือว่าเป็นคดีหลักที่เรามั่นใจว่าครูปรีชาจะต้องติดคุก แต่ศาลท่านได้เลื่อนไปฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 มี.ค.67
คดีที่สองคือคดีที่ลุงจรูญ ยื่นฟ้อง ครูปรีชา รวมทั้งนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น และนางพัชริดา พรมตา หรือ เจ๊พัช คดีหมายเลขดำที่ อ.2185/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อ.3355/2561 ในข้อหาความผิดฐาน "ร่วมกันเบิกความเท็จ" ซึ่งคดีนี้นั้นครั้งแรกครูปรีชาปฏิเสธแล้วเปลี่ยนมารับสารภาพในภายหลัง และในวันนี้ครูปรีชา จะขอปฏิเสธอีกครั้งหนึ่ง แต่ศาลท่านได้พิจารณาแล้วไม่อนุญาตเพราะมองว่าเป็นการประวิงคดี ครูปรีชาจึงต้องรับสารภาพไปแบบนั้น แต่ในส่วนของเจ๊บ้าบิ่นและเจ๊พัช ยังปฏิเสธอยู่ ดังนั้น ศาลจึงเลื่อนอ่านคำพิพากษาในคดีที่ครูปรีชารับสารภาพในข้อหาเบิกความเท็จช่วงมีการอายัดเงินของลุงจรูญที่เป็นคดีแพ่งไปสืบพยานในเดือนกรกฎาคม เมื่อสืบพยานของเจ๊บ้านบิ่นกับเจ๊พัชแล้วเสร็จ ศาลท่านจะพิพากษาคำรับสารภาพของครูปรีชาไปในคราวเดียวกัน
คดีที่สามคือคดีที่ลุงจรูญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพยานจำนวน 10 คน คดีหมายเลขดำที่ อ.1558/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อ.2707/2566 ในข้อหา "ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม" คดีนี้ลุงจรูญมองว่าเป็นการเบิกความเท็จ ศาลได้มีการนัดไต่สวนในวันที่ 1 เม.ย.2567
"วันนี้ผมได้ติดเอาคำพูดของครูปรีชามาคำหนึ่งเนื่องจากครูปรีชาได้เข้ามาตำหนิลุงจรูญว่า ฟ้องพยานแบบนี้สังคมจะอยู่อย่างไร หลังจากที่ลุงจรูญ ได้ยินคำที่ครูปรีชาพูดออกมาจึงเกิดความโมโหขึ้นมาทันทีเพราะที่ผ่านมาลุงจรูญ ถูกครูปรีชาฟ้องมาก่อนร่วม 10 คดี พยานที่มาเบิกความก็พูดไม่ตรงความจริงทำให้ลุงต้อสู้คดีมาอย่างยาวนานหลายปี แล้วครูปรีชายังกล้ามาบอกลุงจรูญว่าทำให้สังคมอยู่ยากอีก ซึ่งถึงตรงนี้แล้วลุงจรูญ ก็คงจะไม่ไกล่เกลี่ยกันอีกแล้ว เพราะต้องการที่จะให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษถึงแม้ครูปรีชาจะมาเสนอเงินให้เพื่อไกล่เกลี่ยก็คงจะลำบากแล้ว แต่หากครูปรีชารู้สึกสำนึกผิดก็ขอให้เอาเงินไปวางศาลจะดีกว่าเพื่อให้ศาลบรรเทาโทษให้ แต่ว่าในส่วนของคุณลุงคงจะไม่ยอมใจอ่อนไปถอนฟ้องให้"
"ที่สำคัญผมพึ่งทราบข่าวมากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบทำคดีเรื่องแจ้งความเท็จ ได้มีการเรียกครูปรีชาไปที่อัยการแล้วจึงเชื่อว่าอัยการน่าจะมีการส่งฟ้องในเร็วๆนี้ ซึ่งทุกการกระทำมันเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกันทั้งหมด ซึ่งครูปรีชาจะต้องรับโทษในสิ่งที่ทำมาในทุกๆเรื่อง"
ด้านหมวดจรูญ เปิดเผยกรณีที่ครูปรีชาพูดว่าการที่ตนฟ้องพยานแล้วสังคมจะอยู่อย่างไรนั้น เรื่องนี้ความจริงตนจะต้องเป็นฝ่ายพูดให้เขาฟังมากกว่า เพราะที่ผ่านมาตนถูกฟ้องดำเนินคดีร่วม 10 คดีต้องต่อสู้มาอย่างยาวนานก็ไม่เห็นครูปรีชามาช่วยตนเลย แต่จ้องจะเอาตนเข้าคุกอย่างเดียว ซึ่งวันนี้คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ววันหน้าก็ให้เลิกคุยกันดีกว่า และอยากให้สื่อมวลชนไปถามครูปรีชาว่ายังยืนยันหรือไม่กับคำพูดที่ว่า ความจริงก็คือความจริง ซึ่งผมอยากให้เขาพูดคำนี้บ่อยๆ หน่อย
ทางด้านนายปรีชา หรือครูปรีชา ใคร่ครวญ ออกมาเปิดเผยว่า การไกล่เกลี่ยขณะนี้ยังไม่ลงตัว ศาลท่านจึงเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปก่อน ส่วนสาเหตุการไกล่เกลี่ยที่ยังไม่ลงตัวก็เพราะความเข้าใจกันที่ยังไม่เป็นหนึ่งเดียวสักวันหนึ่งก็คงจะเข้าใจแต่ต้องใช้เวลาอยู่บ้าง
ถามว่าครูปรีชาไปทำอะไรให้ลุงจรูญถึงกับต้องโกรธ ครูปรีชาตอบว่าไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่พูดว่าเมื่อพยานเป็นผู้บริสุทธิ์ตามกฎหมายแล้วอยู่ๆ ฝ่ายลุงจรูญไปฟ้องพยานของตนไปร่วม 10 คนแล้วต่อไปใครจะกล้ามาเป็นพยานให้สังคมอีก ยกตัวอย่างเช่นมีคนฆ่ากันแล้วพลเมืองดีมาเห็นเหตุการณ์ พยานจะบอกเจ้าหน้าที่ว่าใครเป็นคนทำแต่ต้องมาถูกฟ้องแล้วใครจะกล้ามาเป็นพยานให้ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี