เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ผนึกกำลัง 7 สถาบันการศึกษา ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (วิทยาเขตปัตตานี) มหาวิทยาลัยนครพนม มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ฉะเชิงเทรา และวิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจสมุทรปราการ จัดพิธีลงนามบันทึกความตกลงร่วม (MOU) การสื่อสารเพื่อสนับสนุนภาคีสุขภาวะ พร้อมจัดพิธีมอบรางวัลผลงานนักสื่อสารภาคีสัมพันธ์ ปีที่ 1
นายณัฐพันธุ์ ศุภกา ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาภาคีสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ สสส. กล่าวว่า การสื่อสารมีความสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนสังคม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และการยกย่องเชิดชูบุคลากรที่ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมไทย สสส. จึงได้ร่วมมือกับ 5 มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (วิทยาเขตปัตตานี) มหาวิทยาลัยนครพนม มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ฉะเชิงเทรา และมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นำร่องโครงการนำนักศึกษาที่เข้าใจการสื่อสารยุคปัจจุบัน มาทำงานร่วมกับภาคีของ สสส. ที่กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ เกิดการบูรณากา จากนักสื่อสารสุขภาวะ เป็นนักสื่อสารภาคีสัมพันธ์
ซึ่งนับจากเดือน พ.ค. 2566 ที่โครงการเริ่มต้นขึ้น มีทั้งการเตรียมความพร้อมให้กับอาจารย์ของทั้ง 2 มหาวิทยาลัย การฝึกอบรม การจัดเวทีสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษา การจัดทีมพี่เลี้ยงเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักศึกษาลงพื้นที่ไปทำงานกับภาคีของ สสส. ตามประเด็นที่นักศึกษาสนใจ ในระยะแรก มีนักศึกษาเข้าร่วมโครงการ 94 คน และล่าสุดได้เดินทางมาถึงการจัดพิธีลงนามบันทึกความตกลงร่วม (MOU) การสื่อสารเพื่อสนับสนุนภาคีสุขภาวะ
โดยมีสถาบันการศึกษาอีก 2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ และวิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจสมุทรปราการ ซึ่งเป็นสถาบันระดับอาชีวศึกษา สนใจเข้ามาร่วมด้วยเพิ่มเติม จึงคาดว่าในอนาคตน่าจะมีการขยายโครงการไปถึงนักศึกษาระดับอาชีวะต่อไป โดยวัตถุประสงค์ของการทำ MOU ในครั้งนี้ คือ 1.ทำให้เกิดการสานพลังการทำงานตามภารกิจขององค์กร มหาวิทยาลัยและ สสส. บูรณาการร่วมกันโดยเฉพาะประเด็นการสร้างเสริมสุขภาพและการสื่อสารสุขภาวะ
2.สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาทักษะของบุคลากร นักศึกษา คณาจารย์ ให้เข้าใจเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ พร้อมกับใช้สื่อยุคใหม่หรือสื่อดิจิทัลได้อย่างถูกต้องและเข้าใจเป้าหมาย และ 3.เป็นการเตรียมความพร้อมในการสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกันกับภาคีรุ่นใหม่ ซึ่งน้องๆ เหล่านี้จะถูกพัฒนาและเข้าใจการทำงานสร้างเสริมสุขภาพมากขึ้น และนำไปสู่โอกาสการทำงานของ สสส. ในการเป็นภาคีต่อไป
“จากความร่วมมือของ 5 มหาวิทยาลัยนำร่อง กับ 2 แห่งที่มีเพิ่มเติมเข้ามาในวันนี้ จึงเป็นที่มาของ 7 สถาบันการศึกษา ที่จะร่วมมือกันเปิดพื้นที่ เปิดศักยภาพให้กับนิสิต-นักศึกษา ที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ แล้วก็เพิ่มโอกาสในการทำงานเพื่อสื่อสารขับเคลื่อนสังคมและสร้างสุขภาพที่ดีไปด้วยกัน ด้วยการทำงานร่วมกับคนจริง โจทย์จริง สนามจริง พื้นที่จริง น้องๆ เหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนงานสุขภาวะต่อไป” นายณัฐพันธุ์ กล่าว
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ในอดีตคนไทยมีอายุเฉลี่ยไม่ถึง 60 ปี แต่ปัจจุบันอายุขัยเฉลี่ยผู้ชายคือ 73 ปี และผู้หญิงคือ 80 ปี เหตุที่อายุยืนขึ้นเพราะผู้คนรู้วิธีดูแลสุขภาพกันมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีบางส่วนที่ไม่รู้ หรือบางส่วนแม้รู้แล้วแต่ยังปฏิบัติไม่ได้ ซึ่งบทบาทของนักสื่อสารมีความสำคัญในการทำให้คนไทยทุกคนรับรู้วิธีการดูแลสุขภาพและสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองให้มีพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพได้
อย่างตนเป็นแพทย์มาตลอดชีวิตและพยายามไปเปลี่ยนคนที่ป่วย อายุห้าสิบกว่า เป็นเบาหวาน-ความดัน หรืออายุหกสิบแล้ว ก็พยายามไปยื้อชีวิตเขา แต่ก็พบว่าไม่มีคุณภาพชีวิต ดังนั้นสิ่งที่อยากเปลี่ยนจริงๆ ก็คือคนรุ่นใหม่-เด็กรุ่นใหม่ คือคนที่เขาเป็นหน่ออ่อนที่กำลังจะเติบโต เพราะสามารถ 1.สร้างนิสัยได้ นิสัยจะติดตัวตลอดชีวิต 2.การสะสมสุขภาวะที่ดี เป็นการสร้างทุนชีวิต ทำให้ชีวิตยืนยาว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่ไปเริ่มตอนอายุหกสิบ
“การที่เราไปสื่อสาร สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้ เราจะได้เรียนรู้วิชาเพื่อสุขภาวะ และอาจจะเรื่องอื่นๆ ด้วย หากผสมผสานบูรณาการ และหลังจากนั้นนำไปถ่ายทอด ตรงนั้นนี่ละ ระหว่างที่เราถ่ายทอดความรู้ที่ตรงนั้นมันจะเข้ามาสู่ตัวเรา คือบางทีเรารับมันอาจจะได้ชัด แต่ยิ่งเราถ่ายทอดเราจะได้มากกว่านั้น มันจะเป็นตัวตนของเรา และขอให้เราใช้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเราด้วย เมื่อเราได้ออกมาเป็นนิสัยเราแล้ว ให้เราถ่ายทอดให้กับคนรอบข้างที่เรารักไป ทั้งพ่อแม่ ญาติสนิทมิตรสหาย และส่วนหนึ่งคือสื่อสารสาธารณะ” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว
ขณะที่การมอบรางวัลมอบรางวัลผลงานนักสื่อสารภาคีสัมพันธ์ ปีที่ 1 มีดังนี้ 1.ประเภทงานเขียน ผลงาน “ลงละคร” จากทีมลงละคร มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ 2.ประเภทวิดีโอยาว (สารคดี) ผลงาน “คืนรอยยิ้มที่สดใส ให้ผู้สูงวัยในชุมชนบ้านบาโงฆาดิง” จากทีมสาวสาวสาว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (วิทยาเขตปัตตานี) 3.ประเภทวิดีโอสั้น มี 3 ทีมได้รับรางวัล ได้แก่ ผลงาน “สร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชนบ้านเล้อ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา” จากทีม 422 มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ฉะเชิงเทรา ผลงาน “แยกขยะถูกวิธีเพื่อชุมชนที่ดีขยะเป็น0” จากทีม Chocobee มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และผลงาน “การบูลลี่ในโรงเรียน ภัยใกล้ตัวที่ไม่เคยนึกถึง” จากทีม Unbullyable มหาวิทยาลัยนครพนม และ 4.รางวัลขวัญใจภาคี ซึ่งเป็นรางวัลที่ภาคีของ สสส. เป็นผู้มอบให้ คือผลงาน “แอโรบิก ชีวิต ชุมชน” จากทีม บูบู่ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี