วันจันทร์ ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
คพ.-นายกฯวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมถกแก้ปัญหาการปนเปื้อนสารตะกั้วลำห้วยคลิตี้เครียด

คพ.-นายกฯวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมถกแก้ปัญหาการปนเปื้อนสารตะกั้วลำห้วยคลิตี้เครียด

วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567, 13.31 น.
Tag : การปนเปื้อน ทองผาภูมิ ลำห้วยคลิตี้ สารตะกั้ว
  •  

กรมควบคุมมลพิษควงนายกสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่ถกแก้ปัญหาการปนเปื้อนของสารตะกั้วในลำห้วยคลิตี้ อำเภอทองผาภูมิ สุดตรึงเครียด ขณะที่ สส.เขต 5 กาญจน์ เสนอตัวพร้อมช่วยผลักดับงบฟื้นฟูสารพิษ

ความคืบหน้ากรณีนายกำธร ศรีสุวรรณมาลา นายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี นายนพพร วสุธาผาภูมิ ผู้แทนชาวบ้านคลิตี้ในฐานะคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อติดตามการดำเนินโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว จังหวัดกาญจนบุรี ยื่นหนังสือถึงกรมควบคุมมลพิษเพื่อขอให้ดำเนินการตามประเด็นต่างๆ เช่น การจัดการกากหางแร่และดินปนเปื้อนที่ยังคงเหลืออยู่ในพื้นที่ การดูดตะกอนหน้าฝายดักตะกอน ทั้ง 4 แห่ง และระยะเวลาการดำเนินการประเมินผลผลการดำเนินโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น


ล่าสุดเวลา 09.00 น.วันที่ 18 เม.ย.67 ที่ห้องประชุมสำนักงานโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว จังหวัดกาญจนบุรี หมู่ 4 บ้านทุ่งเสือโทน ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ดร.ชยาวีร์ หวังเจริญรุ่ง ผอ.ส่วนน้ำเสียชุมชน กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ศาสตราจารย์ ดร.ธเรศ ศรีสถิตย์ นายกสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย พร้อมคณะวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ส่วนน้ำเสียชุมชน กรมควบคุมมลพิษ

รวมทั้งนายชัยนิรุจน์ มะลิวัลย์ ผอ.สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี นายวัลลภ จินดา ปลัดอำเภอศูนย์ดำรงธรรมอำเภอทองผาภูมิ นายบรรจง รสจันทร์ นายก อบต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ นายนิติพล ตันติวานิช กำนันตำบลชะแล นายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี พร้อมชาวคลิตี้ล่างและคลิตี้บน และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานอนามัยสิ่งแวดล้อมและอาชีวอนามัยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เข้าร่วมประชุมหารือ

โดยมีนายพนม โพธิ์แก้ว สส.จังหวัดกาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 5 เดินทางไปร่วมรับฟังข้อมูลต่างๆเพื่อนำไปช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านอีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะประเด็นปัญหาของกรมควบคุมมลพิษที่แจ้งให้ทราบว่ากรมควบคุมมลพิษ ไม่มีงบประมาณในการนำมาบริหารจัดการโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว จังหวัดกาญจนบุรี

ซึ่ง ดร.ชยาวีร์ หวังเจริญรุ่ง ผอ.ส่วนน้ำเสียชุมชน กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และ ศาสตราจารย์ ดร.ธเรศ ศรีสถิตย์ นายกสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันชี้แจงกรณีที่นายกำธร ศรีสุวรรณมาลา ตัวแทนคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อติดตามการดำเนินโครงการพื้นฟูลำห้วยคลิตี้ฯ ได้ยื่นหนังสือถึงกรมควบคุมมลพิษ เพื่อขอให้ดำเนินการในประเด็นต่างๆ เช่น ประเด็นการจัดการกากหางแร่และดินปนเปื้อนสารตะกั่วที่ยังคงเหลืออยู่ในพื้นที่ การดูดตะกอนหน้าฝายดักตะกอน ทั้ง 4 แห่ง ซึ่งประกอบด้วย ตะกอนดินที่สะสมหน้าฝายดักตะกอน KC3, KC4, KC4/1 และ KC5 เป็นต้น

สำหรับบรรยากาศภายในห้องประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นไปอย่างตึงเครียด เนื่องจากตัวแทนและชาวบ้านที่เข้าร่วมไม่พอใจผลการชี้แจงของกรมควบคุมมลพิษที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงเกิดการโต้ถึงกันไปมาแบบไม่มีใครยอมใคร ทำให้นายชัยนิรุจน์ มะลิวัลย์ ผอ.สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี ที่เพิ่งเดินทางมารับตำแหน่งใหม่ ลุกขึ้นแนะนำตัวพร้อมกับขอเป็นคนกลางพูดเจรจาให้ทั้ง 2 ฝ่ายหันหน้าเข้าหากันเพื่อที่จะได้เดินหน้าในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวคลิตี้ให้ได้ต่อไป เพราะหากยังถกเถียงกันในเรื่องเดิมๆ ทุกอย่างจะเดินต่อไปไม่ได้ โดยนายชัยนิรุจน์ มะลิวัลย์ ได้ใช้เวลาเจรจาประมาณ 20 นาที ก็สามารถดึงสถานการณ์ให้ทั้ง 2 ฝ่าย กลับมาหารือกันได้ตามปกติ จนกระทั้งเวลา 13.00 น.การประชุมหารือก็แล้วเสร็จ

จากนั้นคณะทั้งหมดได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บริเวณโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว จังหวัดกาญจนบุรี บ่อ 10 ไร่ ที่อยู่บริเวณบ้านคุณส่องพูห่างจากโรงแต่งแร่มาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 500 เมตร โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงเดินทางกลับ

จากการสังเกตพบว่าบริเวณหน้าบ่อ 10 ไร่มีป้ายติดประกาศเตือนให้ประชาชนทราบว่า เป็นเขตอันตราย ห้ามใช้ประโยชน์มนพื้นที่นี้ ส่วนพื้นที่ติดกับบ่อ 10 ไร่ เป็นคันดินขนาดใหญ่สภาพใหม่ พบว่าผิวดินมีร่องรอยกัดเซาะของน้ำฝนที่ตกลงมาก่อนหน้านี้ตลอดแนว ซึ่งบริเวณนี้ชาวบ้านเกรงว่าหากฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงฤดูฝน อาจจะทำให้คนดินพังถล่มลงมาแล้วกระแสน้ำจะนำพาสารตะกั่วไหลลงสู่ลำห้วยคลิตี้ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเหมือนในอดีตหลายสิบปีที่ผ่านมา

ดร.ชยาวีร์ หวังเจริญรุ่ง ผอ.ส่วนน้ำเสียชุมชน กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้เป็นไปตามที่ชาวบ้านมีข้อร้องเรียนว่าการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ที่ผ่านมายังเป็นประเด็นที่ชาวบ้านมีข้อห่วงใยอยู่ใน 4 พื้นที่ที่ชาวบ้านส่งหนังสือเข้ามาที่กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งในวันนี้กรมควบคุมมลพิษได้มาชี้แจงให้ชาวบ้านทราบถึงแผนการการฟื้นฟูในระยะต่อไปว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เบื้องต้นเชื่อว่าชาวบ้านก็คงจะเข้าในว่าที่ผ่านมานั้นการฟื้นฟูมันมีปัญหาและอุปสรรคอะไร

ส่วนโครงการฟื้นฟูในระยะที่ 3 ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการ ซึ่งการที่จะทำงานต่อไปในอนาคตเราจำเป็นจะต้องอาศัยนักวิชาการ เบื้องต้นนั้นคงต้องให้ทางสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เข้ามาดำเนินการด้วยการส่งนักวิจัยเข้ามาสำรวจในประเด็นที่มีข้อถกเถียงกันอีกครั้งหนึ่งในกรณีที่ชาวบ้านมีข้อกังวลในพื้นที่ 4 พ้นที่ข้างต้นที่ชาวบ้านแจ้งมาที่กรมควบคุมมลพิษว่าอันที่จริงแล้วมันปลอดภัยหรือไม่หรือยังมีข้อขาดตกบกพร่องอะไรอยู่ ซึ่งจะต้องอาศัยข้อมูลจากนักวิจัยเป็นตัวนำไปดำเนินโครงการในระยะต่อไป

แต่อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมมลพิษได้ตั้งงบประมาณเอาไว้ในการดำเนินโครงการฟื้นฟูฯลำห้วยคลิตี้เอาไว้ในทุกๆ ปี แต่ผ่านมาได้ประสบปัญหาเรื่องงบประมาณเป็นอย่างมาก ซึ่งงบประมาณปี 2567 กรมควบคุมมลพิษต้องใช้งบประมาณไปพลางก่อนและยังมีภารกิจอื่นที่ต้องไปดำเนินการจึงทำให้ติดปัญหาไม่มีงบประมาณเข้ามาดำเนินการที่คลิตี้เมื่อปี 2567 แต่ในเบื้องต้นสิ่งที่กรมควบคุมมลพิษพยายามที่จะทำก็คือการใช้เงินที่เราตั้งโครงการเอาไว้ในปีงบประมาณ 2567 ไปใช้ในปีงบประมาณ 2568 ซึ่งช่วงนี้คงเป็นช่วงที่กำลังเตรียมตัวทำตามแผนในปีงบประมาณ 2568 อยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการถกเถียงกันในที่ประชุมมีการอธิบายชี้แจ้งให้ชาวบ้านได้เข้าใจอย่างไร ศาสตราจารย์ ดร.ธเรศ ศรีสถิตย์ นายกสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ต้องขอเรียนให้ผู้นำและชาวบ้านที่มาร่วมประชุมได้เข้าใจว่าทีมของพวกตนเข้ามาทำการประเมินผลการดำเนินงานเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาเริ่มตั้งแต่ปี 2560-2565 ที่ทางกรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ทั้งในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 แต่การทางทางกำนันและชุมชนรู้สึกไม่พอใจนั้นอาจจะเกิดจากการที่กำนันและชุมชุนคิดว่า กรมควบคุมมลพิษทำได้ล่าช้าและไม่ครบถ้วน เพราะมันมีบางจุดที่กำนันและชาวบ้านมีข้อกังวล เช่นที่บริเวณโครงการฟื้นฟูฯ แปลง 10 ไร่และที่บ้านคุณส่องพู ที่พบกองกากหางแร่ใหม่ ซึ่งส่วนตัวแล้วก็เข้าใจว่ากำนันและชาวบ้านเดือดร้อน ซึ่งตนได้แจ้งกับกรมควบคุมมลพิษไปว่าจะต้องไปตั้งงบประมาณในการสำรวจขึ้นมา ซึ่งส่วนตัวตนไม่สามารถบอกได้ว่ากากหางแร่ที่พบใหม่มีปริมาณและความเข้มข้นจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งเราจะต้องใช้วิธีการสำรวจที่ถูกต้อง

ในที่ประชุมผมได้พยายามอธิบายให้ทุกคนเข้าใจโดยปีที่ผ่านมาก็มีการประชุมกันมาแล้ว ซึ่งชาวบ้านก็รู้สึกร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ได้พยายามชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจด้วยเช่นกันว่าขั้นตอนต้องดำเนินการต่อไป แต่ขณะนี้ก็รู้สึกดีใจที่ทางกรมควบคุมมลพิษได้นำแผนที่ที่เราเตรียมเอาไว้ให้นำไปปรับเพื่อดำเนินการของบประมาณในการนำไปจ้างนักวิจัยเข้ามาสำรวจ ซึ่งการถกเถียงกันในที่ประชุมก็เพราะชาวบ้านเขามีความร้อนใจซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต่างก็เข้าใจ

สุดท้ายอยากจะฝากไปถึงชาวบ้านว่าสิ่งที่เราและกรมควบคุมมลพิษเข้ามาช่วยเรามาช่วยด้วยความเต็มใจและจริงใจมีปัญหาอะไรก็ค่อยๆคุยกัน ไม่ใช่ว่าทุกอย่างไม่เอาต้องรีบต้องเร่งด่วน แต่เชื่อว่าชาวบ้านอาจจะไม่เข้าใจระบบของทางราชการในการเบิกงบประมาณ รวมทั้งขั้นตอนของการทำงานของหน่วยราชการ ส่วนตัวผมพยายามกระทุ้งไปทาง คพ.แล้วว่าจะต้องรีบทำและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านไปแล้ว แต่ปัญหาก็คือมันติดเรื่องขั้นตอนของทางราชการในการของบประมาณ

อีกหนึ่งประเด็นที่จะฝากไปถึงก็คืออยากให้ชาวบ้านให้ความร่วมมือก็คือหากพบกองกากหางแร่ใหม่ ขอให้รีบแจ้งให้เราทราบทันที เพราะผมจำได้ว่าการลงพื้นที่สำรวจในระยะที่ 1 และ 2 ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นไม่มีข้อมูลมากนักจึงเป็นเหตุทำให้การสำรวจนั้นไม่ครอบคลุมพื้นที่ เพราะในอดีตเราไม่รู้เลยว่าทางบริษัทฯเหมืองแร่นำกากหางแร่ไปทิ้งเอาไว้จุดไหนบ้าง ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลดังกล่าวกับคนในพื้นที่ด้วย

ด้านนายพนม โพธิ์แก้ว สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 5 ในฐานะเจ้าของพื้นที่ กล่าวว่า วันนี้กรมควบคุมมลพิษ ได้เข้ามาชี้แจ้งกับชาวบ้านเกี่ยวกับงบประมาณ ปี 2567-2568 เรื่องการฟื้นฟูเยียวยาผลกระทบจากโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษ ดำเนินการฟื้นฟูลพห้วยคลิตี้ เพื่อให้ให้ชาวบ้านกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ แหล่งน้ำแหล่งอาหารจะต้องไม่มีสารพิษจากตะกั่วหางแร่อีกต่อไป

จากการที่ได้มารับฟังปัญหารวมทั้งการที่ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่รวมทั้งกรมควบคุมมลพิษและผู้นำชาวบ้านที่มา พบว่าสารตะกั่วยังมาค่าเกินมาตรฐาน ซึ่งกรมควบคุมมลพิษได้ตั้งงบประมาณ ปี 2567 เอาไว้เพื่อจ้างบริษัทที่ปรึกษามาวิจัยว่าจะมีแผนฟื้นฟูในระยะต่อไปอย่างไร ที่ผ่านมาทราบว่ากรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการในขั้นต้นไปแล้วคือการฟื้นฟูในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 แต่ก็ยังมีสารพิษเจือปนอยู่

ซึ่งกรมควบคุมมลพิษได้ตั้งงบประมาณ ปี 2568 เอาไว้ประมาณ 6-7 ล้านบาทเพื่อนำมาดูดกากหางแร่ที่กักเก็บเอาไว้ภายในบ่อ 10 ไร่ และ 22 ไร่ เพื่อไม่ให้ไหลลู่สู่ลำห้วยคลิตี้ที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ที่สำนักงบประมาณเพื่ออนำเข้าเสนอไปยังสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาอนุมัติงบประมาณดังกล่าว ส่วนตัวก็จะคอยช่วยทั้งกรมควบคุมมลพิษรวมทั้งชาวบ้านในการเป็นตัวกลางอธิบายให้ทุกคนเข้าได้เข้าใจตรงกันว่าวิธีการการที่จะฟื้นฟูแหล่งน้ำและสภาพแวดล้อมในพื้นที่เป็นไปตามหลักของสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ส่วนเรื่องงบประมาณที่กรมควบคุมมลพิษตั้งไว้ ตนก็จะเข้าไปผลักดันกับสภาพผู้แทนราษฎรให้พิจารณาอนุมัติงบประมาณให้ได้โดยเร็วต่อไป

ส่วนนายกำธร ศรีสุวรรณมาลา กล่าวว่า การประชุมชี้แจงของกรมควบคุมมลพิษส่วนใหญ่จะเป็นการกล่าวอ้างเรื่องของงบประมาณที่ใช้สำหรับศึกษาพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวผมเกรงว่าการรองบประมาณในการศึกษาจะเป็นการดึงเวลาออกไป ซึ่งการฟื้นที่นั้นจะต้องทำอย่างเร่งด่วนเพราะว่าพื้นที่บริเวณบ่อ 10 ไร่เริ่มพังทลายลงมาแล้ว หากเก็บเอาไว้นานๆก็จะไหลลงสู่หมู่บ้าน

แต่ทางกรมควบคุมมลพิษ บอกกับชาวบ้านว่าจากการศึกษาพื้นที่บริเวณบ่อ 10 ไร่นั้นมีความปลอดภัยแล้ว แต่ชาวบ้านมองว่ามันไม่ใช่และเชื่อว่าหากไม่รีบแก้ไขอีกไม่เกิน 1-2 ปี คันดินจะพังลงมาอย่างแน่นอน ซึ่งการที่ คพ.จะทำการศึกษาใหม่อีกครั้งหนึ่งจะเป็นการถ่วงเวลาหรือไม่ ซึ่งชาวบ้านนั้นต้องการให้ คพ.นำกากหางแร่ออกไปให้หมดแล้วนำไปกำจัดตามหลักวิชาการ ซึ่งที่ผ่านมากรมควบคุมมลพิษไม่ได้กำจัดกากหางแร่ให้ตรงตามหลักวิชาการเลย ซึ่งค่าตะกั่วก็ยังคงอยู่ที่ 70,000-80,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งปัจจุบันกากหางแร่ยังมีอยู่นับ 1 แสนตัน แต่ คพ.ได้ขุดขนย้ายออกไปแค่ประมาณ 30,000 ตันเท่านั้น ซึ่ง คพ.ต้องมีหน้าที่ดำเนินการต่อไป และ คพ.ต้องเร่งทำโครงการเพื่อรของบประมาณเพื่อให้วิชาการเข้ามาทำการศึกษาเป็นการเร่งด่วน ที่ผ่านมาบอกว่าจะศึกษาโดยเร่งด่าน แต่ผ่านมา 2 ปีแล้วยังไม่มีการแก้ไขปัญหาอะไรให้กับชาวบ้านเลย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาออกมาเมื่อวันที่ 10 ม.ค.2556 ให้กรมควบคุมมลพิษดูดตะกอนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการดำเนินการอะไรเลย จนชาวบ้านมองว่าเป็นการดักตะกอนกากหางแร่กองเอาไว้ในหมู่บ้าน - 003

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สคทช.นัดประชุมคณะทำงาน ‘สำรวจ-ตรวจสอบ’ แก้ปัญหาที่ดินทำกินชาวกาญจน์ สคทช.นัดประชุมคณะทำงาน ‘สำรวจ-ตรวจสอบ’ แก้ปัญหาที่ดินทำกินชาวกาญจน์
  • ฝ่ายปกครอง-ตำรวจ 3 อำเภอกาญจน์ บุกจับผู้ต้องหายาเสพติดพร้อมของกลางเพียบ ฝ่ายปกครอง-ตำรวจ 3 อำเภอกาญจน์ บุกจับผู้ต้องหายาเสพติดพร้อมของกลางเพียบ
  • \'อำเภอสังขละบุรี\'ระดมกำลังเคลียร์ขยะลอยติดหน้าสะพานมอญรับมือน้ำหลาก 'อำเภอสังขละบุรี'ระดมกำลังเคลียร์ขยะลอยติดหน้าสะพานมอญรับมือน้ำหลาก
  • จนท.ทองผาภูมิสกัดจับขบวนการลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมายเข้าไทยได้ 42 ราย จนท.ทองผาภูมิสกัดจับขบวนการลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมายเข้าไทยได้ 42 ราย
  • นอภ.ทองผาภูมินำทีมไล่ล่ากระบะกลางดึกซุก 12 แรงงานเถื่อนซิ่งหลบหนีสุดท้ายไม่รอด นอภ.ทองผาภูมินำทีมไล่ล่ากระบะกลางดึกซุก 12 แรงงานเถื่อนซิ่งหลบหนีสุดท้ายไม่รอด
  • ล่าระทึก! กระบะขนแรงงานเถื่อน 33 ชีวิตหนีกลางดึกคนขับเห็นจวนตัวทิ้งรถหลบหนี ล่าระทึก! กระบะขนแรงงานเถื่อน 33 ชีวิตหนีกลางดึกคนขับเห็นจวนตัวทิ้งรถหลบหนี
  •  

Breaking News

'เป้-บี'นำทีม 'เดอะ สโตน พระแท้ คนเก๊' มอบรายได้รอบพิเศษร่วมสมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์

‘อังคณา’ชี้ ประชุม GBC เป็นโอกาสดีของไทยและกัมพูชาในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง

'ศรีสุวรรณ'จี้ป.ป.ช.เร่งส่งศาลรธน.ชี้ขาดคดีโยกงบลง'ดิจิทัลวอลเล็ต-กองทุนสส.-สว.'

'เชฟเฟิร์ส'เปิดตัวเมนูระดับแชมป์Mongni Go Cafe

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved