นอภ.ทองผาภูมิ นำทีมไล่ล่ากระบะตีนผีซุกแรงงานเถื่อน คนขับเห็นจวนตัวทิ้งรถหลบหนีกลางดึก ปล่อย 33 แรงงานโดนจับ สารภาพใช้ไทยเป็นทางผ่านมุ่งหน้ามาเลเซีย จ่าย 76,000 บาทต่อหัว
เมื่อคืนวันที่ 11 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาเข้ามาในเขตพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ โดยการใช้รถยนต์กระบะคอกเป็นพาหนะมาจากทางด้าน อ.สังขละบุรีด้วยการใช้เส้นทางถนนสาย 323 มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี หลังจากได้รับแจ้งจึงรายงานนายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ผู้บังคับบัญชาทราบ
จากนั้นนายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ นายกฤษฎา มูลสวัสดิ์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายยงยุทธ แสวงสุข ปลัดอำเภอทองผาภูมิ พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อ.ทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในท้องที่ เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ และเจ้าหน้าที่ ตชด.135 ร่วมกันวางแผนออกหาข่าวพร้อมลาดตระเวนไปตามเส้นทางต้องสงสัยที่คาดว่าผู้กระทำผิดจะใช้เป็นเส้นทางในการหลบหลีกจุดตรวจ
โดยเจ้าหน้าที่ได้วางแผนนำกำลังเข้าซุ่มโป่งที่บริเวณทางแยกเข้าบ้านเกริงกระเวีย ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จนกระทั่งเวลา 03.30 น. เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะคอกยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก ตอนเดียว สีเทาดำ ทะเบียน กาญจนบุรี กระบะท้ายปิดคลุมด้วยผ้าใบอย่างมิดชิด ลักษณะตรงตามท่ได้รับแจ้งจากสาย ขับมาจากทางด้าน อ.สังขละบุรี เมื่อมาถึงจุดซุ่มโป่ง เจ้าหน้าที่แสดงตัวพร้อมส่งสัญญาณเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น แต่คนขับไม่ยอมพร้อมกับเร่งเครื่องหลบหนีไปตามถนนสาย 323 มุ่งหน้าไปทางอำเภอทองผาภูมิอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่นำโดยนายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ จึงนำรถไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จนกระทั่งถึงพื้นที่บ้านอู่ล่อง หมู่ 4 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ คนขับได้เลี้ยวเข้าไปทางป่าเขาเรดาร์ จากนั้นคนขับได้ชะลอความเร็วแล้วจอดเอาไว้ริมทางแล้วเปิดประตูกระโดดลงจากรถด้วยการอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีลงจากเขาเจ้าหน้าที่ได้พยายามวิ่งไล่ตามแต่ไม่ทันเนื่องจากเป็นทางลาดชันและเป็นช่วงเวลากลางคืน
จากการตรวจค้นภายในรถยนต์กระบะคันดังกล่าวพบมีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาทั้งชายหญิงรวมถึงเด็กที่เป็นลูกของแรงงานยืนแออัดอยู่กระบะท้ายที่มีผ้าใบปกคลุมมาเต็มคันรถรวม 33 คนโดยกลุ่มแรงงานไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ เจ้าหน้าที่จึงสอบปากคำในเบื้องต้นผ่านล่าม จากการสอบถามพบว่าแรงงานจำนวนดังกล่าวไม่มีเอสารการได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่แม้แต่รายเดียว
กลุ่มผู้ต้องหาให้การผ่านล่ามว่า พวกตนเป็นชาวพม่า มาจากหลายเมือง เช่นเมืองพญาตองซู เมาะละแหม่ง และเมืองเมาะลำไย โดยเดินทางมารวมตัวกันที่อำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา จากนั้นมีชาวเมียนมานำพาหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู เมื่อข้ามชายแดนเข้ามาฝั่งไทยได้ มีคนมารับเป็นช่วงๆ ทั้งขึ้นรถยนต์ รวมทั้งลงเรือ เพื่อหลบด่านตรวจของเจ้าหน้าที่
จนกระทั่งมาถึงบ้านเกริงกระเวีย ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ ก็มีคนขับรถมารับอีกทอดหนึ่งเพื่อนำพาไปส่งที่จุดนัดหมายในเขตพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี เมื่อไปถึงจุดนัดหมายในเขตพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี จะมีคนนำรถมารับอีกครั้งหนึ่ง โดยแรงงานทุกคนมีจุดหมายปลายทางคือใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อมุ่งหน้าไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย โดยต้องจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าผู้นำพาเป็นเงินคนละ 75,000-76,000 บาท ระหว่างเดินทางเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ไล่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนคนขับทิ้งรถหลบหนีไปได้
หลังจากกลุ่มผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เพื่อทำการสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนที่จะดำเนินคดีในข้อกล่าวหา “กระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
และจากการตรวจสอบรถยนต์กระบะคันดังกล่าวนั้น พบว่ามีการนำป้ายทะเบียนปลอมมาติดปิดทับป้ายทะเบียนจริงเอาไว้เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลแล้วว่าผู้ครอบครองรถยนต์กระบะที่ใช้เป็นพาหนะนั้นเป็นใคร ซึ่งจะได้เรียกผู้ครอบครองรถมาสอบปากคำเพิ่มเติม หากพบเป็นผู้ร่วมขบวนการด้วย เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป - 001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี