ไทยประกาศจุดยืน
ห้ามเมียนมารุกล้ำ
สั่งตรึงกำลัง24ชม.
ตั้งวอร์รูมเกาะติด
สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมาที่แม่สอด เริ่มผ่อนคลาย ไร้ยิง ปะทะกว่า48 ชม. เมียนมา 500 คน ลี้ภัยทยอยกลับกองทัพเพิ่มกำลังพล-ยุทโธปกรณ์ ตรึงเข้มชายแดน24 ชม. กำหนด 5 จุดปลอดภัยรับผู้อพยพ ‘หมอมิ้ง’ลั่นจุดยืนรัฐบาลไม่ปล่อยสู้รบในเมียนมา รุกล้ำชายแดนไทย เผยนายกฯตั้ง‘คกก.เฉพาะกิจติดตามสถานการณ์ไม่สงบในเมียนมา’มี‘ปานปรีย์’นั่งปธ.และมอบให้ลงพื้นที่แม่สอดแทนนายกฯ ย้ำพร้อมดูแล ผู้ลี้ภัย ตามหลักสากล พร้อมเป็นคนกลางเจรจายุติความรุนแรง
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 สถานการณ์ความตึงเครียด จากการสู้รบระหว่างทหารฝ่ายต่อต้านกับทหารกองทัพเมียนมา บริเวณด่านพรมแดนถาวรเมียวดีแห่งที่ 2 ในช่วงเช้าวันนี้สถานการณ์ผ่อนคลายลงไปมาก หลังไม่มีเสียงปืนยิงปะทะกันกว่า 48 ชั่วโมง ทำให้ชาวเมียนมา ชุดที่2 กว่า 500 คน สมัครใจแจ้งความประสงค์ ต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัย อ.แม่สอด ขอเดินทางกลับบ้านเกิดในจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง อ.แม่สอด จัดกำลังอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตลอดเส้นทาง
จากนั้นชาวเมียนมา ชุดที่ 2 ใช้เรือโป๊ะ ท่าเรือขนส่งสินค้า เป็นยานพาหนะโดยสารข้ามแม่น้ำเมย จากตะเข็บชายแดน อ.แม่สอดข้ามไปฝั่งตะเข็บชายแดน จังหวัดเมียวดี ด้วยความปลอดภัยทุกคนทำให้ขณะนี้ยังคงเหลือชาวเมียนมา ที่อยู่ภายในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวท่าทรายรุจิรา จำนวน 1,463 คน
ขณะที่ด่านพรมแดนถาวรแม่สอด-เมียวดี แห่งที่ 1 บ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เช้าวันนี้ (22 เม.ย.) ด่านพรมแดนสองประเทศยังคงเปิดปกติ แต่เกิดปัญหาที่ด่านเมียวดี ระบบออกหนังสือผ่านแดนชั่วคราวประจำด่านถาวรเมียวดีแห่งที่ 1ระบบขัดข้องมานาน 2 วันแล้ว ส่งผลให้ด่านถาวรเมียวดีแห่งที่1เจ้าหน้าที่ไม่สามารถออกหนังสือผ่านแดนข้ามประเทศ ชาวเมียนมาไม่สามารถข้ามด่านพรมแดนทั้งสองประเทศได้ทำให้บรรยากาศด่านพรมแดนถาวรแม่สอด-เมียวดี แห่งที่1 เงียบเหงา ท่ามกลางการวางกำลังรอบพื้นที่ด่านพรมแดนถาวรแม่สอดทั้งสองแห่ง
จากเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ฝ่ายปกครอง อ.แม่สอด ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 346 แม่สอด พร้อมอาวุธครบมือ ยังคงเสริมกำลังแลยุทโธปกรณ์ ตรึงกำลังเจ้าหน้าที่อย่างแน่นหนาและตรวจลาดตระเวนแนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา อย่างเข้ม งวดตลอด 24 ชั่วโมง ตามแผนเผชิญเหตุของกองกำลังป้องกันชายแดน
นอกจากนี้ ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดตาก มีการดูแลด้านมนุษยธรรมผู้อพยพในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว จ.ตาก จำนวน 6 พื้นที่ จำนวน 3,027 คน คือ ท่าทรายรุจิรา, สำนักสงฆ์วังข่า, บ้านวังตะเคียนใต้, ท่าข้ามที่ 33 และ ท่าข้ามที่ 35 บ.วังตะเคียน ม.7 อ.แม่สอดและ บ.หนองหลวง อ.อุ้มผาง จ.ตาก พร้อมเตรียมพื้นที่รองรับกรณีผู้อพยพได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์ในเมียนมา บริเวณชายแดนไทยว่าในฐานะรัฐบาล เรากำหนดจุดยืนชัดเจนว่า1.การสู้รบกันระหว่างทหารพม่าและกองกำลังติดอาวุธ จะไม่ให้มีการล้ำเข้ามาในดินแดนประเทศไทย 2.รัฐบาลประเทศไทย ยังคงให้การสนับสนุนช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ตามปฏิญญาที่ได้หารือร่วมกัน ตามหลักของสหประชาชาติ
3.เนื่องจากสถานการณ์นี้ มีความเกี่ยวข้องกันมากมายซึ่งเดิมนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง มีกำหนดเดินทางไปในพื้นที่ด้วยตัวเอง แต่ล่าสุดได้มีการแต่งตั้ง คณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา โดย มี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ เป็นประธานซึ่งคณะกรรมการจะประกอบไปด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงต่างๆโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับความมั่นคง โดยนายกฯมอบหมายให้ นายปานปรีย์เดินทางไปในพื้นที่แทน
นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ตนได้หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ก็ทราบว่าจะร่วมลงพื้นที่ด้วย เพื่อไปช่วยดูแลเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทย รวมถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม นอกจากนี้ น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็จะลงพื้นที่ เพื่อดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยสงคราม และมารับบริการในโรงพยาบาลของประเทศไทย เราก็จะดูแลอย่างดี
ส่วนวิธีการดูแลผู้ลี้ภัยน.พ.พรหมินทร์กล่าวว่าเราจะดูแลประชาชนเป็นหลัก ส่วนใหญ่เข้ามาหลบภัยแต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลายเขาก็จะเดินทางกลับไป สถานการณ์เปลี่ยนแปลงวันต่อวัน ยํ้าว่าเราจะไม่ให้การสู้รบกระทบเข้ามาในเขตแดนไทย ทางกองทัพต้องเข้มงวดเรื่องนี้ ยืนยันว่าจะไม่มีกองกำลังติดอาวุธรุกล้ำเข้ามาแน่นอน
ส่วนจะต้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศในการดูและผู้ลี้ภัยหรือไม่ น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่า เราพร้อมให้การช่วยเหลือตามมนุษยธรรมอยู่แล้วแต่จะมีสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(UNHCR) มาร่วมด้วย รวมถึงประเทศต่างๆที่พร้อมจะสนับสนุน แต่ในส่วนประเทศไทยได้มีการเตรียมความพร้อมก่อนหน้านี้แล้ว โดยจะมีจุดรองรับผู้ลี้ภัยหลายจุดแต่ละจุดก็มีการปรับปรุง ซึ่งรายละเอียดปฏิบัติการต่างๆ ทางผู้ว่าราชการจังหวัด จะประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ เรื่องนี้มีมาตรฐานในการปฏิบัติอยู่แล้ว และล่าสุดได้มีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น
เมื่อถามว่ามีโอกาสที่นายกฯจะเป็นคนกลางเจรจากับทุกกลุ่มในเมียนมาหรือไม่นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า จุดยืนสำคัญ คือ การเป็นผู้ส่งเสริมสันติภาพ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเราคือ ดำเนินทุกวิถีทางให้มีการยุติข้อขัดแย้ง ซึ่งเป็นบทบาททางสากล ในฐานะที่เรามีชายแดนติดกับเมียนมา ทั้งนี้ ประเทศต่างๆ ก็คาดหวังว่าเราจะมีบทบาทคลี่คลายความขัดแย้งต่างๆ อย่างสันติวิธี
เมื่อถามว่ามีสัญญาณจากรัฐบาลทหารพม่าหรือกำลังติดอาวุธในการเจรจายุติการสู้รบหรือยังนพ.พรหมินทร์กล่าวว่าในทางการทูต คงมีการพูดคุยกัน แต่ไม่มีข้อเรียกร้องโดยตรงซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะดูแลเรื่องนี้ ส่วนมีเรื่องน่ากังวลเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยหรือไม่นั้น เราดูแลผู้ลี้ภัยมานานแล้ว ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับการเมือง เป็นหลักสากลที่เรายึดถือ ยังไม่มีเรื่องอะไรผิดปกติ
นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่าส่วนเรื่องการค้าขายบริเวณชายแดน ที่อาจจะมีพ่อค้าชาวไทยติดค้างอยู่ฝั่งเมียนมานั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์จะพยายามช่วยเหลือ ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะดูแลอย่างใกล้ชิดและอยากให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ คณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา ที่นายปานปรีย์ เป็นประธานนั้นมีรายชื่อ คณะกรรมการได้แก่ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เป็น รองประธานฯและกรรมการคนอื่น อาทิ ปลัดกระทรวงกลาโหม, ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ, ปลัดกระทรวงมหาดไทย, ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, อธิบดีกรมสารนิเทศ เป็นต้น
ด้าน นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีสถานการณ์ความขัดแย้งในเมียนมาว่าในวันที่ 23เม.ย.จะมีการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจฯเวลา10.00น.และจะมีการแถลงข่าวในเวลา13.00 น. ทั้งนี้ สำหรับแผนระยะยาว มีการเตรียมไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว เมื่อเกิดสถานการณ์เราก็พร้อมรับมือ ส่วนประชาชนที่ทะลักเข้ามา เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ก็สามารถรองรับได้หมด แม้กระทั่งผู้บาดเจ็บก็ได้รับเข้ามาดูแล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์การสู้รบในเมียนมาว่าในส่วนด้านความมั่นคง ทางการทหารทราบว่าฝ่ายทหารไทย จะสร้างความ เชื่อมั่นให้คนในพื้นที่ เชื่อว่าจะไม่ถูกรุกราน ในส่วนของรัฐบาล ทหารไทย พยายามที่จะปกป้องไม่ให้ชายแดนไทยถูกรุกล้ำอธิปไตย และมั่นใจว่าทางฝั่งเมียนมาจะเคารพอธิปไตยของประเทศไทยและความรุนแรงต่างๆ จะไม่รุกล้ำเข้ามาในฝั่งประเทศไทย มีข้อตกลงค้ำอยู่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี