เลขา ป.ป.ช.นำทีมหน่วยงานเกี่ยวข้องลุยสอบ'หาดนุ้ย' หลังเกิดข้อพิพาทเรียกเก็บค่าผ่านทาง เบื้องต้นพบก่อสร้างไม่ได้รับอนุญาต ศาลสั่งรื้อถอนและให้ออกพื้นที่ ด้านผู้ประกอบการยื่นอุทธรณ์ ยันมีกรรมสิทธิ์ครอบครองถูกต้อง จากนี้ที่เก็บค่าผ่านทางคนนำรถส่วนตัวเข้าพื้นที่
วันที่ 2 ก.ค 67 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.พร้อมด้วยตำรวจ สภ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่ สปก.ภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้ากรณีเกิดข้อพิพาทเรื่องที่ดินหาดนุ้ยกับภาครัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินเปิดดังกล่าว ยืนยันว่าได้มีการถือครองถูกต้องตามกฎหมายจนกระทั่งมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง ก่อสร้างถนนลงไปยังชายหาด อีกทั้งยังเรียกเก็บค่าบริการรถรับส่งและสาธารณูปโภค
โดยนายนิวัฒิไชย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นเส้นทางเข้ามายังที่ดินผืนดังกล่าวเป็นที่ดินในพื้นที่ สปก. จากนั้นมีแนวรั้วกั้นกับที่ดินที่เจ้าของอ้างกรรมสิทธิ์ จึงทำให้เกิดข้อพิพาทกับหน่วยงานรัฐ เพราะผู้ครอบครองอ้างว่ามีเอกสาร น.ส. 3 และที่ผ่านมาพบว่ามีการฟ้องร้องดำเนินคดีโดยกรมป่าไม้เป็นผู้ฟ้องคดี จนกระทั่งศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าการออกเอกสารสิทธิ์ น.ส. 3 ก.มิชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ต่อมาผู้ครอบครองได้ต่อสู้แอบอ้างเรื่องกรรมสิทธิ์ขึ้นฟ้องต่อศาลปกครองจังหวัดภูเก็ตเอาผิดกับกรมป่าไม้ที่ออกคำสั่งเพิกถอนไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ข้อยุติ
ส่วนในประเด็นที่ส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยวจนเกิดเป็นกระแสข่าวก่อนหน้านี้เรื่องเก็บค่าผ่านทางโดยอ้างว่าเป็นค่ารถโดยสารนั้น เลขา ป.ป.ช. กล่าวว่า ผู้ครอบครองอ้างว่าได้เก็บเพียงคนละ 100 บาทเป็นค่ารถและค่าใช้บริการอินเตอร์เน็ต ไม่ใช่ค่าเข้าหาด ซึ่งผู้ประกอบการได้รับปากกับทางป.ป.ช.และหน่วยงานที่ลงพื้นที่ในวันนี้ว่า ตั้งแต่วันนี้จะไม่ได้มีการบังคับให้ใช้บริการรถโดยสารของทางรีสอร์ท หากใครประสงค์ที่จะเดินหรือนำรถมาเองก็สามารถนำมาได้โดยไม่ต้องเสียค่าผ่านทางใดๆ
ส่วนประเด็นสำคัญคือการก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ. การก่อสร้างและการควบคุมอาคาร ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลกะรนและได้รับคำยืนยันว่าผู้ประกอบการไม่ได้ขออนุญาตก่อนก่อสร้าง และที่ผ่านมามีคำสั่งให้ทำการรื้อถอนแล้ว แต่ผู้ประกอบการได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง นอกจากนี้ผู้ประกอบการและบุคคลที่เกี่ยวข้องยังอยู่ระหว่างดำเนินคดีการบุกรุกและการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการแอบอ้าง นั้น จากการตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบว่ามีแนวชายฝั่งติดทะเล ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมเจ้าท่า โดยผู้ประกอบการอ้างว่าได้ทำบันทึกตกลงกับกรมเจ้าท่าไว้แล้ว ซึ่งป.ป.ช.จะต้องตรวจสอบกรณีนี้เช่นเดียวกัน เพราะหากบันทึกจริงก็ต้องเป็นบันทึกทางราชการและสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว
ทั้งนี้ ในระหว่างการลงพื้นที่มีตัวแทนผู้ประกอบการได้ถือเอกสารมาชี้แจงต่อเลขาป.ป.ช. และคณะพร้อมชี้แจงข้อสงสัยกรณีการครอบครองและคำพิพากษาของศาล โดยยืนยันว่ายังมีกรรมสิทธิ์ครอบครองพื้นที่ดังกล่าวแม้ศาลจะมีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ และได้มีการยื่นอุทธรณ์ต่อเทศบาลตำบลกะรนในคำสั่งให้รื้อถอนและยื่นร้องต่อศาลปกครองจังหวัดภูเก็ตให้เพิกถอนคำสั่งกรมป่าไม้โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ขณะที่เทศบาลตำบลกะรนยืนยันว่า การก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างไม่ได้มีการขออนุญาต จึงมีคำสั่งให้รื้อถอนอาคาร ทั้งนี้ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบแล้วหลายครั้งและมีคำสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปแล้ว 20 กว่าหลัง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานการฝ่าฝืนการเข้ามาใช้อาคารเพื่อจะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป โดยเทศบาลได้ยื่นฟ้องต่อสถานีตำรวจภูธรภูเก็ตไปแล้ว 5 คดี
ด้านพ.ต.อ.คุณเดช ณ หนองคาย ผกก.สภ.กะรน ชี้แจงว่า คดีความทั้งหมด 5 คดี ดำเนินเสร็จสิ้นไปแล้ว 2 คดี เป็นคดีบุกรุกและแผ้วถาง ศาลมีคำสั่งจำคุกและให้ออกจากพื้นที่แต่ผู้ต้องหายื่นอุทธรณ์ ส่วนคดีความที่ทางเทศบาลตำบลกระโดน แจ้งความอีก 2 คดีเกี่ยวกับการก่อสร้างนั้นคณะกรรมการจังหวัดมีคำสั่งไปแล้วให้มีการเปรียบเทียบปรับ ส่วนคดีที่กรมป่าไม้แจ้งความดำเนินคดีนั้น ยืนยันว่าสอบปากคำได้คืบหน้ามากแล้ว หลังจากนี้ก็จะประเมินค่าเสียหายจากกรมป่าไม้หลังจากนั้นจะเรียกผู้เกี่ยวข้อง ผู้ต้องหา เข้ามาให้ปาก คำเพิ่มเติม
เลขาธิการ ป.ป.ช. ย้ำว่าเรื่องดังกล่าวจะให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย โดยได้กำชับให้ตำรวจท้องที่และเทศบาลตำบลกะรน กรมป่าไม้ เร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี