เลขาฯป.ป.ช.ลงพื้นที่หาดยามู สั่งเร่งตรวจสอบพื้นที่ชายหาดหน้าบ้าน“เดวิด”และวิลล่าทั้ง 32 หลัง ยาวไปถึง'แหลมยามู'เผยคดีรุกหาดไม่เกิน 6 เดือนชี้มูล ย้ำลงมาดูเพื่อกระตุ้นการทำงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมสั่ง ป.ป.ช.ภาค 2 ตรวจสอบรีสอร์ตหรู STARS OVERSEA OVERSEA RESORT หลังแชร์ภาพเปิดเข้าพักว่อนโซเชียลฯ เผยถ้าเปิดใหม่จริงจนท.รัฐในพื้นที่ต้องโดนก่อนเพราะเตือนแล้ว
ที่จ.ภูเก็ต วันนี้ (3 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นำคณะเจ้าหน้าที่ปกครอง กรมเจ้าท่า ตำรวจ ลงสำรวจพื้นทึ่หาดยามู ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าวิลล่าที่นายเดวิด หรือ นายอัวร์ส บีต เฟหร์ อายุ 45 ปี เจ้าของปางช้างชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่เคยก่อเหตุเตะหลัง พญ.ธารดาว หรือ หมอปาย จันทร์ดำ อายุ 26 ปี แพทย์ รพ.ดีบุก จ.ภูเก็ต ขณะนั่งอยู่กับเพื่อนที่บันไดพูลวิลล่าหรู หมายเลข 23 ชายหาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ภายหลังมีการขุดคุ้ยสารพัดพฤติกรรมฉาวของนายเดวิด จนนำไปสู่การรื้อถอนเชิงบันไดที่รุกล้ำชายหาด และเพิกถอนวีซ่าผู้ประกอบธุรกิจ รวมทั้งถูกดำเนินคดีทำร้ายร่างกายแพทย์หญิง ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น
ทั้งนี้ คณะของนายนิวัติไชย ได้ไปดูจุดที่เกิดเหตุเตะหมอ ซึ่งขณะนี้ได้มีการทุบบันไดที่รุกหาดสาธารณะออกไปแล้ว และมีการปักหลักแนวชายหาดสาธารณะ ซึ่งเป็นจุดที่น้ำทะเลขึ้นสูงสุด และปักแนวพื้นที่ สปก. โดยเจ้าหน้าที่ได้รายงานว่าขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิสูจน์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังได้มีการตรวจสอบวิลล่าทั้งหมด 32 หลัง ที่พบว่ามีการก่อสร้างรุกล้ำที่สาธารณะ ซึ่งการพิสูจน์สิทธิ์ทางป.ป.ช.จะดำเนินการควบคู่ไปกับกรมที่ดิน โดยการตรวจสอบและไต่สวน หากพบว่ามีความผิดก็จะส่งฟ้องให้ศาลสั่งเพิกถอน
ทั้งนี้ ในการดำเนินการ จะเร่งดำเนินการภายใน 3 เดือน ก็จะทราบว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาใครบ้าง และจะสามารถชี้มูลได้ภายใน 6 เดือนคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้โดยเร็วเพราะขณะนี้ รวบรวมพยานเอกสารครบถ้วนแล้ว เหลือเพียงสอบพยานบุคคล และแจ้งข้อกล่าวหา โดยขั้นตอนของ ป.ป.ช. จะดำเนินการอย่างละเอียดเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
“วันนี้ที่ ป.ป.ช.ลงมา เหมือนกลับมาตรวจดูว่าหน่วยงานได้มีการปล่อยประละเลยหรือไม่ หรือมีการดำเนินการในเรื่องใดบ้าง ซึ่งมีหลายหน่วยงาน ซึ่งเมื่อวานก็ได้ไปดูหาดนุ้ย หาดพาราไดซ์เป็นการติดตามของ ป.ป.ช.วันนี้สิ่งที่ผ่านมา ผมบอกแล้วว่าใครผิดใครถูกไปว่ากันในทางกฎหมายกระบวรการยุติธรรมแต่นับจากนี้หากมีการปล่อยประละเลย ไม่มีการดำเนินการที่เรามาวันนี้เป็นการพูดคุยให้รู้เรื่องแล้ว แต่หากไม่มีการดำเนินการ ป.ป.ช.คงต้องเข้ามา” นายนิวัติไชย กล่าว
นายนิวัติไชย ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า จากการตรวจสอบพบว่านอกจากบ้านนายเดวิดหลังที่เกิดเหตุแล้ว ปรากฏว่าตลอดแนวชายหาดอาจจะมีการรุกล้ำบางส่วน ซึ่งก็ต้องไปตรวจพิสูจน์ ประเด็นปัญหาคือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เทศบาลปากคอก ได้ตรวจสอบและแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีที่ สภ.ถลางไว้แล้ว ซึ่งเรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวน ส่วนเรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ เดิมที่แปลงนี้เป็นที่ ส.ค. 1 ประมาณ 63 ไร่ จากนั้นไปออกเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก.ปรากฏที่ดินเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 90 ไร่และขยายเพิ่มขึ้นอีกเป็นกว่า 100 ไร่ ดังนั้นป.ป.ช.จะต้องตรวจสอบว่าเอกสาร ส.ค.1 เดิม มีการทำมาหากินมาก่อนหรือไม่ เป็น ส.ค.1 ที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และกรมที่ดินก็ได้ตรวจสอบด้วยดังนั้นเราจะต้องดูว่าการออกเอกสาร น.ส.3 ก. ชอบหรือไม่ เป็นประเด็นที่ ป.ป.ช. จังหวัดและสำนักไต่สวน คดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่ระหว่างดำเนินการ
โดย ป.ป.ช.จะดำเนินการตรวจสอบพื้นที่จากบ้านที่เกิดเหตุไปตามแนวชายหาด ไปจนถึงแหลมยามู ซึ่งป.ป.ช.จะนำภาพถ่ายทางอากาศรวมถึงเอกสารจากกรมที่ดินมาประกอบการพิจารณาก็ถือว่ามีความคืบหน้า ไม่มีการปล่อยปะละเลย มีการติดตามตลอดและได้คุยกับหน่วยที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ถึงความคืบหน้า และจะมีการกำกับติดตาม วันนี้เรามีช่วยการเฝ้าระวัง ไม่ได้จับผิดอะไร
ส่วนการตรวจสอบที่ดินที่งอกเพิ่มขึ้นมา นายนิวัตไชย กล่าวว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยจะไปดูว่ากรมที่ดินดูทั้งแปลงเลยหรือไม่ อาจจะเป็นบางแปลง หรือบางส่วน แปลงไหนที่งอกก็จะนำส่วนนั้นมาดู เป็นการนำพื้นที่สาธารณะกลับมาให้เป็นของประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน
“สิ่งที่เจ้าของโครงการพยายามทำคือ หาหาดส่วนตัวของเขา แต่ไม่มีหาดส่วนตัวอะไร เพียงแต่อาจมีการปิดกั้นไม่ให้ประชาชนทั่วไปลงมา หรือลงมาลำบาก ดังนั้นต้องช่วยกันโดยเฉพาะพื้นที่ต้องลงมาดูแล” นายนิวัติไชย กล่าว และว่า ป.ป.ช.จะตรวจสอบวิลล่าหรู ที่ก่อสร้างบนแหลมยามูทั้งหมด
หลังจากนั้น นายนิวัติไชย และคณะ เดินทางมายังหาดเลพัง ต.เชิงทะเล อ.ถลาง ซึ่งมีผู้ประกอบการร้านค้าปลูกสร้างบริเวณชายหาดจำนวน 3 ร้าน ซึ่งทางหน่วยงานในพื้นที่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดี และสั่งให้รื้อถอน แต่ทางผู้ประกอบการอ้างมีเอกสารสิทธิ์และร้องศาลปกครองภูเก็ตให้เพิกถอนคำสั่ง โดยที่ดินดังกล่าว เจ้าหน้าที่กรมที่ดินภูเก็ต ซึ่งได้มาและชี้แจงว่าพื้นที่ดังกล่าวนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการจัดที่ดินเรื่องการสงวนหวงห้ามที่ดินของรัฐ เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน เนื้อที่ประมาณ 172 ไร่ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2567 และการที่นายอนุทิน จะเดินทางมาจังหวัดภูเก็ตในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ ก็จะได้มีพิธีส่งมอบที่ดินดังกล่าว ในส่วนของเอกสารได้มีการเพิกถอนแล้ว แต่ในพื้นที่ต้องมีการขับไล่ โดย อบจ.พยายามเร่งรัดบังคับคดีอีก 2 ราย ซึ่งสามารถดำเนินการได้เลยเนื่องจากศาลปกครองได้มีคำวินิจฉัยไว้แล้ว
นอกจากนี้ นายนิวัติไชย ยังกล่าวถึงกรณี STARS OVERSEA RESORT ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ราชพัสดุและเป็นเขตทหาร กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหลังมีคำสั่งให้ปิดบริการไปก่อนหน้านี้ ว่าเรื่องนี้ป.ป.ช.มีการเฝ้าระวัง ติดตาม และมีการข่าวอยู่ รวมถึงทราบผ่านทางโซเชียลมีเดียว่ามีลักษณะการเปิดให้บริการอีก จึงได้มอบหมายให้ ป.ป ช. ภาค 2 เข้าไปดำเนินการตรวจสอบว่ามีการเปิดให้บริการอีกจริงหรือไม่ ยืนยันว่าเราไม่ได้ปล่อยปละละเลย
ทั้งนี้ หากมีการเปิดให้บริการจริง หน่วยงานในพื้นที่ได้รับทราบหรือไม่ ว่ามีการเปิดให้คนขึ้นไปพัก ถ้ารู้แล้วท่านทำอะไร หากมีการปล่อยปละละเลยเจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะต้องโดนก่อน เพราะเราได้เตือนไปแล้ว นอกจากนี้ ในการลงพื้นที่ก่อนหน้านี้ป.ป.ช .ก็ได้พาท่านลงไปด้วย เพราะฉะนั้นถือเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบ หากยังเกิดเหตุการณ์จริง ท่านก็เตรียมชี้แจงได้เลยว่ารู้เห็นอย่างไร มีการปล่อยปละละ เลยหรือไม่ และรู้หรือไม่ว่าเขากลับมาเปิดอีกครั้งหนึ่ง หากจะบอกว่าไม่รู้ก็ต้องเอาหลักวิญญูชนเข้าไปใช้พิจารณาว่าควรจะรู้หรือไม่รู้ อย่างไรก็ตาม ในข้อเท็จจริงก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ส่วนการตั้งเรื่อง ป.ป.ช.มีอำนาจสามารถตั้งเรื่องได้เลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี