‘สมศักดิ์’ย้ำค้ายาบ้า
เม็ดเดียวก็ยึดทรัพย์
ปปส.ลั่นเอาผิดทุกคน
คดีเพิ่มแน่-คุกล้น
“สมศักดิ์”ย้ำครอบครองยาบ้าเม็ดเดียวก็ยึดทรัพย์จ่อถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 16 พ.ค.นี้ หาข้อสรุป ด้านเลขาฯ ปปส.แจงคดียาเสพติด ยึดทรัพย์นักค้าทั้งหมด ส่วนปมแก้ไขจากครอบครอง 5 เป็น 1 เม็ด ขึ้นกับนโยบายรัฐ มุ่งให้โอกาสผู้เสพเข้ารับการบำบัด คาดมีคดีในศาลเพิ่ม-ผู้ต้องขังในคุกเพิ่มขึ้นอีกมาก
เมื่อวันที่ 14พฤษภาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงบทลงโทษของการครอบครองยาบ้า ว่าในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ ได้เตรียมประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นวันที่ 17 พฤษภาคม ก็จะนำขึ้นเว็บไซต์เพื่อประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน และจะสรุปผลเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
“ผมเห็นว่าเรื่องการบำบัดคือปลายน้ำ แต่ที่นายกรัฐมนตรีกำชับเกี่ยวกับยาเสพติดต้องทำตั้งแต่ต้นน้ำ คือสกัดกั้นการนำเข้าบริเวณชายแดน ตรวจสอบผู้ค้าผู้ผลิตและยึดทรัพย์ ไม่ว่าใครที่มียาบ้าในครอบครองแค่เม็ดเดียวก็ต้องถูกจับและยึดทรัพย์และต้องตรวจสอบย้อนลงไปด้วยว่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมานานแค่ไหน มีรายได้จากการขายยาเท่าไหร่ และยึดทรัพย์รวมถึงที่อยู่ในมรดก” นายสมศักดิ์ กล่าว
ด้าน พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) กล่าวถึงการแก้ไขจำนวนการครอบครองยาเสพติดผิดกฎหมายจาก 5 เม็ด เป็น 1 เม็ด และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ได้ประกาศยึดทรัพย์สินผู้ครอบครองยาเสพติดตั้งแต่ 1 เม็ด ว่าตามกฎหมายคดียาเสพติด หากพบหลักฐานเชื่อมโยงว่ามีพฤติการณ์เป็นผู้ค้า แม้ไม่พบยาเสพติดก็ให้ริบทรัพย์สินนักค้ายาเสพติดและเครือข่ายได้อยู่แล้ว ประเด็นคือการยึดทรัพย์สินคดียาเสพติด ถ้าเป็นผู้ค้าหรือสมคบค้า แม้ไม่มีตัวยาก็ยึดทรัพย์ ดังนั้นจำนวน1เม็ด ไม่มีผล เพราะถ้าค้าก็ยึดทรัพย์สินอยู่แล้ว ส่วนประเด็นการแก้จาก 5 เม็ด เป็น 1 เม็ด แล้วแต่มุมมอง ปปส.ในฐานะผู้ปฏิบัติ ไม่ว่ากำหนดกี่เม็ดก็ดำเนินการได้ จำนวนเม็ดเป็นการให้โอกาสในการเข้าสู่กระบวนการบำบัดมากกว่า จำนวนเม็ดจึงขึ้นกับนโยบาย
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวต่อว่า กฎหมายมาตรา 107 วรรค 2 ระบุว่าการครอบครองยาเสพติดเล็กน้อยให้สันนิษฐานว่าครอบครองเพื่อเสพ เปิดให้สมัครใจเข้าสู่การบำบัด ซึ่งกฎหมายให้ รมว.สาธารณสุข กำหนดว่าเล็กน้อยที่จำนวนกี่เม็ด ถ้าใครครอบครองยาบ้า ไม่มีพฤติการณ์ค้าหรือจำหน่ายและสมัครใจเข้าบำบัดก็ไปบำบัด แต่ถ้าครอบครองเกินจำนวนเม็ดที่กำหนด กฎหมายไม่ให้สันนิษฐานแล้วให้เป็นความผิดร้ายแรง อย่างปัจจุบันเกิน 5 เม็ด คือหากพบ 6 เม็ด ก็มีโทษ 15 ปี ถ้าเปลี่ยนจาก 5 เม็ด เป็น 1 เม็ด ก็แสดงว่าครอบครอง 2 เม็ด ก็เป็นข้อหาร้ายแรงต้องจับกุมดำเนินคดีส่งศาลและส่งตัวเข้าเรือนจำ ต้องไปต่อสู้คดี ซึ่งก็จะเห็นภาพคนไปอยู่ในคุกมากขึ้น ถ้าไม่มีเงินประกันตัว โดยส่วนใหญ่จะเป็นคนยากคนจนทั้งนั้นที่มียาเสพติด ก็จะไปอยู่ในเรือนจำมากขึ้น
เลขาฯ ปปส.กล่าวอีกว่า การกำหนดไม่เกิน 5 เม็ด ถือเป็นผู้เสพ เพิ่งใช้แค่ 2 เดือน แต่กระแสมันไปแล้ว เมื่อคนเสพยาไม่ได้รับการบำบัด คลั่งยา ซึ่งเป็นมา 4-5 ปีแล้ว จะประกาศกี่เม็ดก็ไม่มีผล เพราะละเลยเรื่องการบำบัดมานาน รัฐบาลนี้จริงจังให้ความสำคัญเรื่องการบำบัด และกำลังจะเห็นผลเพิ่มขึ้น ก่อนหน้านี้เราเน้นจับกุม จะกี่เม็ด ปปส.ทำงานได้หมด แต่ต้องไม่เปลี่ยนเจตนารมณ์ของกฎหมายในการบำบัด ส่วนการริบทรัพย์สินเป็นมาตรการที่มุ่งตัดวงจรผู้ค้ายาเสพติด แต่ต้องยอมรับว่าผู้ค้ารายใหญ่อยู่ต่างประเทศ ตนจึงทำโครงการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อยเพื่อตัดวงจร โดยสรุปคือหากเปลี่ยนเป็น1 เม็ด ต่อไป2เม็ดก็ต้องถูกดำเนินคดี เบื้องต้นเลยคือข้อหาครอบครองฯ และสู้คดีในชั้นศาลและสืบไปหากมีพฤติการณ์ค้าต้องตามริบทรัพย์สิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี