“เพิ่มพูน” เผย พบเด็กออกกลางคันกว่า 2 หมื่นราย เหตุจากพิษเศรษฐกิจ-ปัญหาส่วนตัว เตรียมประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องดึงเด็กกลับสู่ระบบการศึกษา
วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม
ประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 19/2567 โดยมี ผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ.เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ และออนไลน์ผ่านระบบ Zoom meeting ว่า ที่ประชุมรายงานความคืบหน้าการยกระดับโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ หรือ PISA ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งได้ดำเนินการพัฒนาหลักสูตร สื่อ ต้นแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้และเครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับนักเรียนในแต่ละช่วงวัย เน้นการวิเคราะห์ การแก้ปัญหา สามารถนำไปใช้ได้จริง การวิจัย วัดผลและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีระดับประเทศและระดับนานาชาติ การขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนฐานสมรรถนะ เช่น สะเต็มศึกษา อบรมครูโค้ดดิ้ง พัฒนาผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ ครูวิทยากรแกนนำ และครูเครือข่าย ตลอดจนส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษ เช่น ทุนสนับสนุนการศึกษา โอลิมปิกวิชาการ การผลิตครู เป็นต้น โดย สสวท. ได้จัดหลักสูตรอบรมการใช้ระบบออนไลน์ข้อสอบ PISA ในสถานศึกษา รุ่นที่ 1 มีเป้าหมาย 21,985 คน ในสังกัด สพฐ. สช. สอศ. กทม. อว. สถ. (กรมส่งเสริมการปกตครองท้องถิ่น) และอื่น ๆ ส่วนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เตรียมขยายแกนนำ ที่เป็นครู ศึกษานิเทศก์ พี่เลี้ยง และแกนนำ ระดับเขตพื้นที่ 1,400 คน ที่ผ่านหลักสูตร การอบรมการใช้ระบบออนไลน์ข้อสอบ PISA ในสถานศึกษา รุ่นที่ 1 (21 เม.ย. - 4 พ.ค. 67) สู่โรงเรีนนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั่วประเทศ 9,214 แห่ง ครู 3 โดเมน 27,397 ราย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567-กันยายน 2568
“ผลการอบรมฯ ยังไม่เป็นไปตามที่ผมคาดหวังเท่าไหร่ จึงได้เร่งรัดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเน้นย้ำการจัดอบรมฯ PISA ให้ครบตามเป้าหมายภายในเดือนพฤษภาคมนี้ พร้อมจัดทำลิ้งข้อมูล ให้แต่ละหน่วยงานสามารถติดตามการดำเนินงานของสถานศึกษาในสังกัดได้ ในส่วนของ สพฐ.ให้ไปดูความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในแต่ละจุด เพื่อแก้ไขป้องกันและดำเนินการให้ครอบคลุมนักเรียนทุกกลุ่ม ตามเป้าหมายที่วางไว้ ภายในเดือนมีนาคม 2568” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุม ยังรายงานการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET ซึ่งยังคงให้เป็นไปตามความสมัครใจ แต่ให้นำผลการทดสอบ บันทึกไว้ในใบระเบียนแสดงผลการเรียน(ปพ.1) เพื่อประโยชน์ในการศึกษาของเด็ก และการพิจารณารับเด็กเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น เด็กคนไหนไม่สนใจสมัครสอบ ก็จะได้ระบุไว้ในใบ ปพ.1 หรือสมัครแล้วไม่ไปสมัครสอบก็จะต้องระบุไว้ในใบ ปพ.1 เช่นกัน เพื่อเป็นเกณฑ์ในเรื่องความรับผิดชอบ เป็นข้อมูลให้สถานศึกษาต่าง ๆ ใช้พิจารณาดูแลเด็กต่อไป ส่วนแนวทางการดำเนินการ มอบหมายให้สพฐ.เป็นเจ้าภาพในการไปวิเคราะห์และพิจารณาทางวิชาการร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิ ว่าจะเป็นต้องบังคับสอบ O-NETหรือไม่บังคับสแบ ก่อนเสนอให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.)พิจารณาดำเนินการต่อไป
“ผมได้เน้นย้ำทุกหน่วยงานดำเนินโครงการสุขาดี มีความสุข ของโรงเรียนในแต่ละสังกัด ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยฝากให้ครูมาใช้ร่วมกับนักเรียน เพื่อป้องกันหรือระงับเหตุต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น การทะเลาะวิวาท ยาเสพติด พร้อมสรุปผลการดำเนินงานของสถานศึกษาทุกสังกัดของ ศธ. เพื่อหาแนวทางแก้ไขปรับปรุงห้องสุขา บนพื้นฐานของความประหยัด เรียบง่าย แต่ถูกสุขลักษณะตามแนวทางของโครงการทั้ง 5ส ในส่วนของงบประมาณ ได้มอบนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานประชุมติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณ 2567 ศธ. เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าต่อที่ประชุมประสานภารกิจทุกสัปดาห์” รัฐมนตรีว่าการศธ. กล่าว
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) ได้รายงานตัวเลขนักเรียนออกกลางคัน ซึ่งพบว่ามีกว่า 20,000 ราย จากหลายสาเหตุทั้ง เรื่องสภาพเศรษฐกิจและปัญหาส่วนตัว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สพฐ.และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)ที่ต้องประสานการทำงาน ซึ่งคิดว่า ภายในวันที่ 10 มิถุนายน นี้ สถานศึกษาจะต้องรายงานข้อมูลนักเรียนทั้งระบบ ตัวเลขเด็กออกกลางคันจะค่อย ๆลดลง เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามช่วยแก้ปัญหาดึงเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาให้ได้มากที่สุด
“ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) ได้รายงาน กรณี ศาล มีคำตัดสินกรณีผู้บริหาร สกสค.ทุจริต นำเงินกว่า 2,500 ล้านบาท ไปซื้อ “ตั๋วสัญญา” กับ บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด เพื่อนำไปลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี อย่างไม่โปร่งใส โดยให้ บริษัท บิลเลี่ยนฯนำเงินมาวางภายใน 30 วัน ซึ่งผมก็ได้สั่งการให้ สกสค.ไปยื่นบังคับคดีต่อศาล ตามขั้นตอนแล้ว” รมว.ศธ. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี