เจ็บแสบเหลือเกิน สามีที่อยู่กันมา 17 ปี หลอกหย่าอ้างเหตุผลธุรกิจ ที่แท้ไปแต่งกับโลกใบที่สอง หลอกเงินเมียกับครอบครัวไปลงทุนกว่า 25 ล้าน

วันที่ 28 พฤษภาคม 2567 รายการโหนกระแสวันนี้ มาพูดคุยกับผู้เสียหาย ที่ไปร้องกับ ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต ผู้เสียหายคือ คุณฟ้า สาวเจ้าของกิจการค้าส่งทุเรียน ถูกสามีตัวเอง หลอกให้หย่าและหลอกเงินไป 25 ล้านบาท โดยอ้างว่าเอาไปลงทุนในธุรกิจ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สุดท้ายจับได้ว่าแอบไปจดทะเบียนสมรสกับหญิงใหม่ และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว

คุณฟ้า ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนและสามีแต่งงานอยู่กินกันมาร่วม 17 ปี พึ่งมารู้เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ว่าสามีมีโลกอีกใบ โดยสามีแอบไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น โดยเมื่อปี 57 เขามาขอหย่ากับตน อ้างว่าไปทำธุรกิจรับเหมา แล้วกลัวว่าถ้ามีทะเบียนสมรส เวลามีปัญหาอะไรขึ้นมา ภรรยาและลูกจะมีปัญหาไปด้วย แต่มารู้ทีหลังว่า เขาแอบไปแต่งงานใหม่ จัดงานในโรงแรมเป็นเรื่องเป็นราว แต่งกับผู้หญิงอีกคนเมื่อปี 59 ทั้งที่ในเวลานั้น ตนกับสามีก็ยังอยู่กินกันเป็นสามีภรรยา มีลูกด้วยกัน ทุกอย่างปกติทำให้ไม่เคยรู้เลยว่าเขาซ่อนโลกอีกใบไว้

คุณฟ้ากับสามีคนนี้ มีลูกด้วยกัน 2 คน คนนึงอายุ 9 ขวบ อีกคนอายุ 14 ขวบ ซึ่งตนกับสามีได้แต่งงานจดทะเบียนกันเมื่อปี 57 ต่อมา ปี 58 สามีได้มาขอหย่า ตอนนั้นตนเองกำลังท้อง 2 เดือน โดยทางสามีให้เหตุผลว่า จะไปทำธุรกิจ กลัวภรรยาเดือดร้อน ตนหลงเชื่อและตอนนั้นกำลังท้องอยู่ ก็เลยไปหย่าให้ เพราะเห็นเป็นเรื่องงาน

ตนไม่รู้เลยว่าประมาณปี 59-60 สามีตัวเองได้ไปแต่งงานใหม่ จดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงอีกคน จนพึ่งมารู้เมื่อไม่นานมานี้ พฤติกรรมของสามี ก็ไม่ได้มีพิรุธอะไร ตนอยู่ที่โคราช ส่วนสามีอยู่ที่ กทม. ปกติทางสามีจะไปๆ มาๆ คุณฟ้าได้ซื้อบ้านที่ กทม. ไว้ 1 หลัง ให้สามีอยู่ โดยบ้านเป็นชื่อของคุณฟ้าเอง

ต่อมาสามีบอกว่าไปมีปัญหากับคนที่มีอิทธิพล ทำให้บ้านที่อยู่ไม่ปลอดภัย สั่งไม่ให้คุณฟ้ามาที่บ้าน ตัวเขาเองก็จะไม่อยู่ที่บ้านนั้น แต่สุดท้ายมารู้ทีหลังว่า แท้จริงคือเขาให้เมียใหม่ของเขาเข้ามาอยู่ ในบ้านที่ตนเป็นคนซื้อ เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้

จุดเริ่มต้นเรื่องการหลอกเงิน คือ ทางสามีมาบอกว่า หจก.แห่งหนึ่งมาทำธุรกิจและต้องใช้เงินไปค้ำประกันในธนาคาร ได้นำเอกสารปลอมการรับรองจากธนาคารมาหลอกลวงจนเราเชื่อ และยังชักชวนพี่น้องของมาร่วมลงทุนด้วย ตนลงไป 2.5 ล้านบาท พี่สะใภ้ 11 ล้าน และน้องเขย 12 ล้านบาทและสามีก็ยังปลอมเอกสารมาให้ดู ว่าคุณฟ้ามีชื่ออยู่ใน หจก.ดังกล่าว  พอเห็นว่าเป็นธุรกิจของเราจริงๆ เราก็ยิ่งลงทุนเพิ่ม เขาบอกว่าต้องมีเงินไปแช่อยู่ในบัญชีธนาคาร 105 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี เพื่อเป็นหลักค้ำประกันให้ทางธนาคาร เพื่อที่จะส่งออกทุเรียนไปขายต่างประเทศได้ 
แต่พอ 3 ปี ครบกำหนด ไปสอบถามจะขอเอาเงินออกมา สามีกลับบ่ายเบี่ยง บอกว่าติดนู่นติดนี่ จนไม่ได้เงินคืนสักที

สามีก็พาไปดูที่ต่าง ๆ และอ้างว่าจุดนี้คือบริษัท จุดนี้คือหน้างานที่รับทำไฟฟ้า-ประปา ซึ่งตนเองเห็นว่ามันแปลก ๆ จึงย้อนกลับมาถาม รปภ. ที่ดูแลสถานที่นั้น 

รปภ.บอกว่าไม่เคยมีบริษัทเกี่ยวกับทำระบบไฟฟ้าประปาแล้วก็ไม่เคยเห็นมีการซ่อมไฟฟ้า-ประปาอะไรเกิดขึ้น

ตนจึงออกอุบายขอสามีกลับเข้าไปที่บ้านนั้นอีกรอบ ปรากฏว่าไปเจอหลักฐานหลายอย่าง เช่น กระเป๋าเดินทางที่เป็นชื่อของผู้หญิงมือที่สาม เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ไฟลต์เดียวกับที่สามีพาตนกับลูกไปเที่ยว โดยในทริปนั้น สามีบอกว่าทำธุรกิจได้เงินมา พาภรรยาและลูกและครอบครัวของภรรยาไปเที่ยวญี่ปุ่น สามีอยู่ที่ยวด้วยกันอยู่ 2 วัน ก่อนจะอ้างว่าต้องไปทำงานต่อ ให้ภรรยาและลูกกลับไปก่อน มารู้ทีหลังว่าที่แท้เขาคงแยกไปเที่ยวต่อกับผู้หญิงอีกคน

นอกจากนี้ไปเจอเอกสารบริษัท อีกบริษัทหนึ่ง มีชื่อสามีตนและผู้หญิงคนนั้นอยู่ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ ตนจึงโทรศัพท์ไปสอบถามปลายสายก็เป็นเสียงผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ และบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของบริษัท แต่ไม่ได้บอกความสัมพันธ์ว่าเป็นอะไรกับสามีตน

จากนั้นตนเริ่มรู้สึกแปลก ๆ เกี่ยวกับเงินที่ลงทุนใน หจก. ตนจึงขอไปคัดเอกสารเกี่ยวกับรายชื่อกรรมการ และเจ้าของ หจก. ปรากฏว่าเข่าแทบทรุดเพราะไม่มีชื่อของตนเองอยู่ในหจก.นั้นซักตำแหน่ง ซึ่งวันที่ตนเองรู้ความจริงทุกอย่างเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นสามีก็หายสาบสูญ ไม่เคยติดต่อมาชี้แจงหรืออธิบายอะไรอีกเลย

ตนรู้สึกเสียใจมากทั้งถูกหักหลังและนอกใจ สามีที่ตนไว้ใจและเป็นพ่อของลูก 2 คน ซึ่งคบกันมา 17 ปี มาทำแบบนี้ ตนอยากให้มาพูดคุยมาเคลียร์กันมาอธิบายว่าคืออะไร ที่สำคัญตนอยากได้เงินคืน 25.5 ล้านบาท เพราะเป็นเงินที่ญาติพี่น้องร่วมกันลงทุนมา

คุณฟ้ามาร้องกับทนายเจมส์ ซึ่งเรื่องนี้พบว่ามีความผิดมากมายหลายข้อ ทนายเจมส์บอกว่า คดีแบบนี้ไม่ต้องพูดอะไรกันเยอะ ฝากเตือนไปถึงอีกฝ่ายว่า “สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน”  ทางสามีบอกว่าจะไปเอาทนายมาสู้ ก็ลองดู แต่แนะนำว่า ทำอะไรคิดถึงหน้าลูกของตัวเองบ้าง เอาเงินมาคืนเขาซะ ดีกว่าคิดจะสูกันในศาล เพราะหลักฐานต่างๆ มันชัดเจนหมดแล้ว

ส่วนคุณฟ้าก็ฝากถึงสามีว่า อยากให้กล้าทำแล้วกล้ารับ คิดถึงหน้าลูกบ้าง สิ่งที่เกิดขึ้นมันกระทบทั้งครอบครัวและลูก อยากให้ยอมรับแล้วเอาเงินมาคืนจะดีกว่า