"บิ๊กเต่า"เผยภารกิจตามหาเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย คืบหน้าไปเยอะ รับเจ้าหน้าที่บกพร่อง เตรียมฟันไม่เลี้ยง แจงรถกระบะสีดำเป็นรถตำรวจไม่ใช่รถขนสเบียง ระบุข้อมูลล่าสุดเรือน่าจะเข้ากัมพูชาไปแล้ว กำลังประสานตามกลับคืนมา
วันที่ 14 มิถุนายน 2567พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหายจำนวน 3 ลำ ว่า เมื่อวานนี้ได้มีการลงพื้นที่พร้อมเข้าร่วมประชุมกับหลายหน่วยเพื่อติดตามเรือที่หายไป เบื้องต้นสั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจน้ำตั้งกองอำนวยการร่วมกับทุกหน่วยเพื่อตามหาเรือ ส่วนเรื่องการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องทำให้ราชการเสียหาย ซึ่งต้องดำเนินคดีในความผิดมาตรา 157 ตอนนี้ให้ทางตำรวจ บก.ปปป. ตั้งคณะกรรมการสืบสวน คู่ขนานกับไปกับตำรวจน้ำ เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วเร็วที่สุด
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าในแนวทางสืบสวนเกี่ยวกับลูกเรือที่อยู่ในเรือของกลางทั้ง 3 ลำที่หายไป รู้จำนวนแน่ชัดแล้วว่ามีคนลงเรือ 16 คน ทราบชื่อตำหนิรูปพรรณแล้ว 14 คน ส่วนอีก 2 คน ทราบเพียงแค่ชื่อ แต่ยังไม่ทราบตำหนิรูปพรรณหรือรูปหน้า ตอนนี้ตำรวจกองปราบอยู่ระหว่างตรวจสอบ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับเรือน้ำมันเถื่อนของกลางนั้นมีด้วยกันทั้งหมด 5 ลำ มีลูกเรือทั้งหมด 28 คน เรือ 3 ลำที่หายไปมีลูกเรือยืนยัน 17 คน มีรายงานว่าลงเรือไปเพียง 16 คน อีก 1 คน ไม่ได้ไปด้วย จากรายงานคนที่ไม่ได้ไปด้วยคือคนไทย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลที่ให้ไว้กับตำรวจ ส่วนที่เหลืออยู่ในเรืออีก 2 ลำที่จอดเทียบท่าอยู่ ซึ่งเป็นเรือที่ไม่มีน้ำมัน โดยวันจันทร์ที่จะถึงนี้ตำรวจ บก.ปอศ. จะเรียกลูกเรือทั้งหมดที่ไม่ได้หลบนี้มาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. และคาดว่า จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับลูกเรือที่หลบหนี 16 คน ได้ภายในวันอังคาร
รอง ผบช.ก. กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่เมื่อช่วงเช้านายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้พบว่าเรือที่หายไปอยู่ที่เกาะกูด จ.ตราด แล้วข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน ในส่วนของตำรวจขอชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จากข้อมูลที่ได้คุยกับตำรวจน้ำชุดทำงานเมื่อวานนี้ มีการยืนยันว่าเรือน่าจะเข้าไปประเทศกัมพูชาแล้ว แต่อยู่จุดไหนเป็นเรื่องที่ตำรวจต้องติดตามต่อ ขณะนี้ได้ประสานทางกัมพูชาให้ช่วยติดตามเรือทั้ง 3 ลำแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามติดตามเรือของกลางกลับมาให้ได้ แม้ตอนนี้จะไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
“ส่วนเรื่องเส้นทางก่อนที่เรือทั้งสามลำจะขับหลบหนีไปสู่ประเทศกัมพูชา จากแนวทางสืบสวนพบว่า เป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดหลังจากที่เรือออกจากท่าเรือสัตหีบ จะต้องมุ่งหน้าไปที่เกาะช้าง เกาะกูด ออกประเทศเพื่อนบ้าน รวมระยะทาง 240 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะใช้เวลาอย่างเร็ว 12 ถึง 13 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามในส่วนของการติดตาม เบื้องต้นได้มีการประสานใช้ดาวเทียมมาช่วย รวมทั้งใช้เครื่องบินในการลาดตระเวนค้นหา”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องนี้จะเชื่อมโยงถึงเสี่ยโจ้หรือไม่นั้น ขอเวลาประมาณสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนขึ้น ส่วนเรื่องที่มีกระแสเสี่ยว่าเสี่ยโจ้ได้หลบหนีออกไปนอกประเทศแล้ว นั้น ยอมรับว่าจากข้อมูลทางการสืบสวนพบว่าตอนนี้เสี่ยโจ้พำนักอยู่ที่ประเทศกัมพูชา และการที่เรือหายจะเกี่ยวข้องกับเสี่ยโจ้หรือไม่นั้น ใครเป็นเจ้าของหรือทำธุรกิจตรงนี้ ก็ไม่มีคนอื่นที่จะดำเนินการ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ส่วนการสอบปากคำคนในครอบครัวเสี่ยโจ้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนได้มีการทำงานคืบหน้าไปเยอะ สัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้นอีกหลายเรื่อง ส่วนก่อนหน้านี้ที่ผู้ต้องหาถูกประกันตัวแล้วทำไมถึงสามารถกลับไปอยู่บนเรือของกลางได้อีก ขอชี้แจงในส่วนนี้ว่า เพราะบ้านของพวกเขาคือเรือ พอประกันตัวเสร็จก็กลับไปอยู่กินบนเรือ ซึ่งยอมรับผิดว่าเจ้าหน้าที่บกพร่องในการดูแลของกลางให้ครบถ้วน ไม่ใช่แค่ไปแล้วเอากล้องติดดูบ้างไม่ดูบ้าง จึงถือว่าเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ซึ่ง พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติและ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มอบหมายให้ตนลงพื้นที่ไปดูแลคดีนี้ ซึ่งสั่งฟันไม่เลี้ยง เพราะเรื่องนี้ไม่น่าเกิดขึ้นในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยหลังจากนี้จะต้องตรวจสอบว่า เป็นการประมาทเลินเล่อ หรือเอื้อประโยชน์กับใครหรือไม่ ซึ่งตนเองก็อยากรู้ ถ้ากล้าทำแล้วตรวจสอบเจอ ซึ่งบอกไปแล้วว่า ผบช.ก. ส่งตนลงไปดูคดีนี้แล้วฟันไม่เลี้ยง
“ส่วนกรณีที่มีภาพวงจรปิดรถกระบะคันหนึ่ง ขับเข้าไปในพื้นที่บริเวณสะพานถ้าเทียบเรือ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน เวลา 17.00 น. ขอขี้แจงว่า ภาพที่ปรากฏผ่านสื่อมวลชนนั้น จากการตรวจสอบพบว่า รถกระบะคันดังกล่าวเป็นรถที่ใช้ในการขนน้ำ สำหรับภารกิจการฝึกทบทวนหมวดเรือ ศรชล ภาค 1 โดยมีการฝึกระหว่างวันที่ 10 ถึง 13 มิถุนายน ซึ่งไม่ได้มีการเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เรือของกลางหายออกไปจากทางเทียบเรือ”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดไทม์ไลน์‘เรือน้ำมัน’ของกลางหายไร้ร่องรอย หลัง 10 มิ.ย.ลูกเรือไม่ขึ้นฝั่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี