'กรมประมง'เปิดรายชื่อ 16 จว.รับซื้อปลา'ปลาหมอคางดำ' ผงะ! ข้อมูลจับจากบ่อเพาะเลี้ยง 297,702 กก. พร้อมวาง 5 มาตรการแก้ปัญหา คุมระบาดได้ใน 3 ปี ยันมีรายเดียวที่ขออนุญาตนำเข้า และไม่ได้เก็บ 50 ซากจากเอกชน
เมื่อวันที่ 17 ก.ค.2567 นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า เตรียมตั้งจุดรับซื้อปลาหมอคางดำใน 16 จังหวัดที่พบการระบาดตามคำสั่งของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ซึ่งต้องการให้เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ โดยที่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำระดับกระทรวงที่มีนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์เป็นประธานเห็นชอบมาตรการแก้ปัญหาระยะเร่งด่วน ด้วยการให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ชาวประมงพื้นบ้าน และประชาชนทั่วไปจับปลาหมอคางดำมาจำหน่ายเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ
โดยกำหนดราคารับซื้อกิโลกรัมละ 15 บาท ตามที่ ร.อ.ธรรมนัส แจ้งต่อที่ประชุมวานนีัว่า ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีที่จะใช้งบกลางมารับซื้อ แต่ระหว่างที่รองบกลาง ได้หารือกับคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทยที่จะใช้งบประมาณจากกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางมารับซื้อเพื่อนำไปทำปุ๋ยเพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้แก่ประชาชนในการมีส่วนร่วมควบคุม และกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาด ส่วนมาตรการอื่นๆ ในกำจัดปลาหมอคางดำจะทำควบคู่กันไป
ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำว่า จะไม่รับซื้อปลาหมอคางดำที่มีการลักลอบเพาะเลี้ยง เนื่องจากเป็นสัตว์น้ำรุกรานต่างถิ่นที่มีกฎหมายห้ามครอบครอง โดยกรมประมงมอบหมายให้กรมประมง ประสานกับจังหวัดเพื่อตั้งจุดรับซื้อภายในสัปดาห์หน้า
ขณะนี้พบการระบาดใน 16 จังหวัดซึ่งเป็นการระบาด 14 จังหวัด และพื้นที่กันชน 2 จังหวัดได้แก่ จันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา สงขลา ตราด และชลบุรี แต่ละจังหวัดมีคณะทำงานแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำระดับจังหวัด เร่งรัดดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการระดับกระทรวง โดยคณะกรรมการระดับจังหวัดจะเพื่อทบทวนในรายละเอียดของแผนการป้องกันและกำจัดปลาหมอคางดำ รวมถึงงบประมาณเพื่อให้เหมาะสมตามสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่
ส่วนรายละเอียดของมาตรการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำมีดังนี้
มาตรการที่ 1 การควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในทุกแหล่งน้ำ พร้อมแก้ไขกฎหมายซึ่งเป็นอุปสรรคในการใช้เครื่องมือประมงที่เหมาะสมเพื่อกำจัดปลาหมอคางดำ โดยมีการสำรวจข้อมูลการใช้เครื่องมือประมงที่เหมาะสมในการใช้ในการกำจัดปลาหมอคางดำและได้ออกประกาศกรมประมง เรื่องการอนุญาตผ่อนผันใช้อวนรุน ตลอดจนเปิดช่องทางให้จังหวัดที่มีความต้องการขออนุญาตผ่อนผันการใช้เครื่องมือประมงเพื่อกำจัดปลาหมอคางดำ
เสนอเรื่องผ่านมติที่ประชุมคณะทำงานระดับจังหวัดมายังกองบริหารจัดการทรัพยากรและกำหนดมาตรการ เพื่อประกาศ ผ่อนผัน ตามเงื่อนไขและความเหมาะสม ขณะนี้สามารถกำจัดปลาหมอคางดำได้ทั้งสิ้น 623,370 กิโลกรัม จำแนกเป็นปริมาณปลาหมอคางดำที่จับจากแหล่งน้ำธรรมชาติ 325,668 กิโลกรัมและที่จับจากบ่อเพาะเลี้ยง 297,702 กิโลกรัม
มาตรการที่ 2 การปล่อยปลาผู้ล่าอย่างต่อเนื่อง โดยกรมประมงได้ปล่อยลูกพันธุ์ปลาผู้ล่าทั้งปลากะพงขาว ปลาอีกง ปลาช่อน ปลากดคัง และอื่นๆ ไปแล้วกว่า 226,000 ตัวลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ใน 7 จังหวัด ประกอบด้วย จ.สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ เพชรบุรี กรุงเทพมหานคร ราชบุรี และสงขลา ทั้งยังมีโครงการจะปล่อยอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ กรมประมงยืนยันว่า ปลาหมอคางดำขนาดโตเต็มวัย ไม่สามารถกินลูกพันธุ์ปลาผู้ล่าขนาด 4 นิ้วที่ปล่อยลงไปได้ ลูกพันธุ์ปลาผู้ล่าเหล่านี้ สามารถกินลูกปลาหมอคางดำขนาดเล็กกว่า 3 เซนติเมตรเพื่อควบคุมประชากรที่มีปริมาณมากได้ โดยกรมประมงจะเลือกพันธุ์ปลาผู้ล่าและพื้นที่การปล่อย รวมถึงจำนวนการปล่อยให้เหมาะสมกับระบบนิเวศของพื้นที่ที่สุด
มาตรการที่ 3 การนำปลาหมอคางดำที่กำจัดออกจากระบบนิเวศไปใช้ประโยชน์ กรมประมงได้ประสานสมาคมผู้ผลิตปลาป่นไทยใน จ.สมุทรสาคร จำหน่ายให้แก่โรงงานปลาป่น 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท ศิริแสงอารำพี จำกัด ราคากิโลกรัมละ 10 บาท ได้รับการจัดสรรโควตา 500,000 กิโลกรัม (500 ตัน) จำหน่ายไปแล้ว 491,687 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 4,916,870 บาทและบริษัทอุตสาหกรรมปลาป่นท่าจีน จำกัด รับซื้อราคากิโลกรัมละ 7 บาท แบบไม่จำกัดจำนวน โดยรับซื้อปลาหมอคางดำจากพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงคือ กรุงเทพมหานครและราชบุรีด้วย รวมปริมาณการใช้ประโยชน์จากปลาหมอคางดำส่งโรงงานเพื่อผลิตปลาป่น 510,000 กิโลกรัม มูลค่า 5,022,000 บาท
ทั้งนี้กรมประมงยังร่วมกับกรมพัฒนาที่ดิน (สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 10) จัดโครงการรณรงค์การทำน้ำหมัก ชีวภาพคุณภาพสูง (สูตรไนโตรเจนสูง) รับซื้อปลาหมอคางดำราคากิโลกรัมละ 7 - 8 บาท นอกจากนี้ เครือข่ายภาคประชาชนมีการนำปลาหมอคางดำที่จับจากระบบนิเวศไปใช้ประโยชน์ โดยมีแหล่งรับซื้อปลาหมอคางดำ ได้แก่ แพรับซื้อปลาขนาดเล็กเพื่อนำไปเป็นอาหารสัตว์ (ปลาสด) เพื่อใช้เป็นปลาเหยื่อเลี้ยงสัตว์น้ำและปลาเหยื่อลอบปูที่สำคัญ กรมประมงจะเร่งหาพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนเพิ่มช่องทางการรับซื้อและศึกษาวิจัยประโยชน์ในด้านอื่นๆ ของปลาหมอคางดำเพิ่มเติม
มาตรการที่ 4 การสำรวจและเฝ้าระวังการแพร่กระจายประชากรปลาหมอคางดำในพื้นที่เขตกันชน กรมประมงจัดทำระบบแจ้งตำแหน่งการพบปลาหมอคางดำในรูปแบบออนไลน์สำหรับประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทราบบริเวณที่มีการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำโดยประชาชนสามารถแจ้ง เบาะแสพิกัดที่พบการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำได้ที่ https://shorturl.asia/3MbkG เพื่อเป็นข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจติดตามและ ดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ต่อไป
มาตรการที่ 5 การสร้างความรู้ ความตระหนัก และการมีส่วนร่วมในการกำจัดปลาหมอคางดำ กรมประมงจัดให้มีการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากหน่วยงานระดับจังหวัดได้มีคณะทำงานแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำแล้ว สำนักงานประมงจังหวัดทั้ง 16 จังหวัดจัดกิจกรรมการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ตื่นตัว โดยมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาหมอ คางดำ ได้แก่ ปลาส้ม ปลาแดดเดียว และน้ำปลา
นายบัญชา กล่าวอีกว่า มาตรการสำคัญอีกมาตรการคือ โครงการวิจัยการเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4n ในปลาหมอคางดำ เป็นการควบคุมการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำโดยการทำให้ประชากรปลาหมอคางดำเป็นหมัน โดยการศึกษาสร้างประชากรปลาหมอคางดำพิเศษที่มีชุดโครโมโซม 4 ชุด (4n) จากนั้นจะปล่อยปลาหมอคางดำพิเศษเหล่านี้ลงสู่แหล่งน้ำเพื่อให้ไปผสมพันธุ์กับปลาหมอคางดำปกติที่มีชุดโครโมโซม 2 ชุด (2n) การผสมพันธุ์นี้จะทำให้เกิดลูกปลาหมอคางดำที่มีชุดโครโมโซม 3 ชุด (3n)
ซึ่งลูกปลาที่มีโครโมโซม 3 ชุดนี้จะกลายเป็นปลาหมอคางดำที่เป็นหมัน ไม่สามารถสืบพันธุ์ต่อได้ โดยมีแผนปล่อยพันธุ์ปลาหมอคางดำ 4n ลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ทยอยปล่อยอย่างน้อย 250,000 ตัวภายในระยะเวลา 15 เดือน (ก.ค. 2567 - ก.ย. 2568) คาดว่า สามารถเริ่มปล่อยพันธุ์ปลาได้อย่างช้าสุดในเดือนธันวาคม 2567 อย่างน้อย 50,000 ตัว เมื่อดำเนินการควบคู่กับวิธีการควบคุมอื่น ๆ เช่น การใช้ปลาผู้ล่า และการจับปลา ไปใช้ประโยชน์ ก็จะส่งผลให้การเพิ่มจำนวนปลาหมอคางดำรุ่นใหม่ลดลงจนสามารถควบคุมการระบาดได้ภายใน 3 ปี
สำหรับกระแสสังคมที่มีคำถามเกี่ยวกับเรื่องต้นตอของการแพร่ระบาดอย่างหนักของปลาหมอคางดำ พร้อมกับต้องการให้กรมประมงตรวจพันธุกรรมปลาหมอคางดำที่ระบาดว่า ตรงกับปลาหมอคางดำที่มีการขออนุญาตนำเข้าโดยภาคเอกชนเมื่อปี 2553 หรือไม่นั้น นายบัญชา ระบุว่า ปลาชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา โดยบริษัทแห่งหนึ่งขออนุญาตนำเข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพื่อวิจัยปรับปรุงพันธุ์ โดยนำเข้ามาผ่านด่านตรวจสัตว์น้ำสุวรรณภูมิ และนำไปวิจัยที่ จ.สมุทรสงคราม ขณะนั้นกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ออกพระราชกฤษฎีกา ห้ามมิให้นำสัตว์น้ำบางชนิดเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2547 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบเรื่องสุขอนามัยของสัตว์น้ำที่ผู้นำสัตว์น้ำทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตเข้ามาในราชอาณาจักร อันเป็นการควบคุมโรคสัตว์น้ำ
ต่อมาบริษัทยกเลิกการทำวิจัย และไม่ได้แจ้งต่อกรมประมงในการจัดการทำลายตัวอย่างตามเงื่อนไขที่กรมประมงกำหนด ในปี 2560 ที่พบการแพร่ระบาด จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่เลี้ยงของบริษัทเจ้าหน้าที่กรมประมงจึงได้รับรายงานว่า ได้ทำลายตัวอย่างทั้งหมดด้วยการฝังกลบ ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวว่า กรมประมงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปรับตัวอย่างปลาหมอคางดำที่ใช้ในการวิจัยจากบริษัทดังกล่าวที่ฟาร์ม 50 ตัวอย่าง ซึ่งนำซากปลาดองใส่ขวดตัวอย่าง ขวดละ 25 ตัวนั้น กรมประมงได้ตรวจสอบเอกสารหรือหลักฐานการรับมอบตัวอย่างในสมุดลงทะเบียนรับตัวอย่างและฐานข้อมูลในระบบตั้งแต่ที่มีการนำเข้าจนถึงปี 2554 ไม่พบหลักฐานการรับตัวอย่างและขวดตัวอย่างดังกล่าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส ได้สั่งการด่วนให้กรมประมงแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ หากกรมประมงพบหลักฐานใดๆ เพิ่มเติม จะเร่งดำเนินการตรวจสอบตามกระบวนการเพื่อหาข้อเท็จจริงเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม
ปัจจุบันปลาหมอคางดำเป็น 1 ใน 13 ชนิดพันธุ์สัตว์น้ำต่างถิ่นที่ห้ามนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่าน เพาะเลี้ยง หรือมีไว้ในครอบครอง เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีกรมประมงตามประกาศของกรมประมงเพื่อเป็นการป้องกันการรุกรานของสัตว์น้ำต่างถิ่น ภายใต้มาตรา 64 และมาตรา 65 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดโทษไว้ในมาตรา 144 ว่า ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 65 วรรคสอง ต้องระหว่างโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดนำสัตว์น้ำไปปล่อยในที่จับสัตว์น้ำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ในการขออนุญาตนำเข้าจะต้องผ่านการพิจารณาให้ความเห็นทางวิชาการจากคณะกรรมการระดับสถาบันด้านความปลอดภัย และความหลากหลายทางชีวภาพของกรมประมง (IBC) เมื่อได้รับอนุญาตนำเข้าแล้ว เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์น้ำกรมประมงจะตรวจสอบและควบคุมการนำเข้าสัตว์น้ำนั้นจนสู่แหล่งทดลองที่ได้รับการอนุญาต
สำหรับพระราชกำหนดการประมงพ.ศ. 2558 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นกฎหมายที่มีเจตนารมณ์ที่ให้ความสำคัญต่อสงวนรักษาความหลากหลายทางชีวภาพด้วยดังนั้นจะเห็นได้ว่ากระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมง ปรับปรุงกฎหมายมาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศเมื่อดำเนินการตามมาตรการทั้งหมดนี้ แล้วปลาหมอคางดำเริ่มลดจำนวนลง กรมประมงจะเร่งการฟื้นฟูระบบนิเวศโดยการปล่อยชนิดพันธุ์ปลาพื้นเมืองของไทยที่พบในระบบนิเวศเดิม จัดทำเขตอนุรักษ์เพื่อฟื้นฟูความหลากหลาย และสร้างเครือข่ายชุมชนในการอนุรักษ์และรักษาระบบนิเวศ รวมถึงเฝ้าระวังแจ้งเหตุเพื่อคืนปลาพื้นเมืองไทยกลับสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ สร้างสมดุลระบบนิเวศ และสร้างความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติในแหล่งน้ำของประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี