รศ.สุเชาวน์ พลอยชุม เปิดเผยถึง การจัดทำหลักสูตรพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ว่า เกิดขึ้นจากเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นผู้ปลูกฝังและหยั่งรากเมล็ดพันธุ์ของพระธรรมทูตให้เติบใหญ่ แผ่กิ่งก้านไปทั่วทุกทวีปในปัจจุบัน โดยทรงเล็งเห็นความสำคัญของงานพระธรรมทูตเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ทุ่มเทกับงานบุกเบิกฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในต่างแดน และสืบสานศาสนสัมพันธ์กับนานาประเทศทั่วโลก ทรงเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรที่เรียกว่า
“สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ” เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2509 โดยได้ทรงเสนอแนวพระดำริต่อคณะกรรมการอำนวยการฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องให้มีการจัดการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นในวิทยาลัยสงฆ์สองแห่ง คือ มหามกุฏราชวิทยาลัยในวัดบวรนิเวศวิหาร และมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในวัดมหาธาตุ โดยบรรจุหลักสูตรพระธรรมทูตไปต่างประเทศไว้เป็นส่วนหนึ่งของปริญญาโทด้วย แต่ด้วยความไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน โครงการนี้จึงหยุดชะงักลง จนกระทั่งในอีก 20 ปีต่อมา จึงได้รับการสานต่อ มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่ง ได้เปิดหลักสูตรปริญญาโทสำหรับพระสงฆ์ขึ้นเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ.2530
รศ.สุเชาวน์ พลอยชุม ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากนี้ ขณะทรงเป็นประธานกรรมการอำนวยการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ได้ทรงเสนอมหาเถรสมาคมให้รับรองมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งเป็นสถาบันการศึกษาของพระสงฆ์ ซึ่งทางมหาเถรสมาคมก็ได้พิจารณาและให้การรับรอง เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2512 ได้มีการตั้งสภาการศึกษาของคณะสงฆ์ขึ้นในปีเดียวกัน เพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับการส่งเสริมและควบคุมนโยบายระบบการศึกษาทุกสาขาของคณะสงฆ์ นอกจากนี้ ยังทรงผลักดันและใส่พระทัยในการยกระดับการศึกษาของมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งให้เทียบเท่ามหาวิทยาลัยทั่วไป จนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2540 รัฐบาลได้ตราพระราชบัญญัติให้มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐบาล
สำหรับงานพระธรรมทูต อาจย้อนไปได้ถึงใน พ.ศ.2488 เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ทรงร่วมก่อตั้งมหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยของพระพุทธศาสนาแห่งแรกในประเทศไทย โดยพระองค์ท่านเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยรุ่นแรก เป็นกรรมการมหามงกุฏราชวิทยาลัย น่าจะเป็นองค์แรกที่ผลักดันให้มหาวิทยาลัยสงฆ์จัดการศึกษาในระดับปริญญาโท แต่ก่อนนี้ยังไม่มีใครจะกล้าทำ สิ่งแรกที่พระองค์ทรงคิด คือ จัดการศึกษาที่เรียกว่าพระธรรมทูต ด้วยการส่งเสริมให้พระมีความรู้ความสามารถเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่อมาในปี พ.ศ.2509 ขณะทรงดำรงสมณศักดิ์ที่พระสาสนโสภณ ทรงเป็นประธานกรรมการอำนวยการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม ในความอุปถัมภ์ของรัฐบาล เป็นสถานฝึกอบรมวิชาการขั้นสูงสำหรับพระสงฆ์ที่จะออกไปปฏิบัติหน้าที่เป็นพระธรรมทูตเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ ไปประจำอยู่ในทวีปต่างๆ ทั่วโลก เช่น พระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาล พระธรรมทูตไทยในประเทศอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย อังกฤษ และอเมริกา เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มี สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศโดยเฉพาะ โดยในแต่ละปีมีการฝึกอบรมพระภิกษุเพื่อเป็นพระธรรมทูตในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี