‘โจ๊ก’ลุ้นอีก2สัปดาห์
ก.พ.ค.ตร.เรียกชี้แจง
ปมอุทธรณ์ถูกให้ออก
มีข้อมูลเพียงพอแล้ว
“บิ๊กโจ๊ก”แก้เคล็ดเสริมบารมี เพิ่มชื่อ “ช” ช้างเป็น“สุรเชชษฐ์หักพาล” เข้าชี้แจงต่อ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) กรณียื่นอุทธรณ์คำสั่งโดนออกจากราชการ ขณะที่เลขาก.พ.ค.ตร.ระบุข้อมูลเพียงพอแล้ว ผลวินิจฉัยจะเสร็จสิ้นภายใน1-2สัปดาห์
เมื่อวันที่ 30กรกฎาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) กล่าวถึงการเรียก พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ให้เข้าชี้แจงด้วยวาจาปมอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการชั่วคราวที่ลงนามโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ขณะที่ดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) พล.ต.ท.อนุชา กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมพิจารณาคำอุทธรณ์ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ที่ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจกรณีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยมองว่าเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นตามกระบวนการจะต้องเชิญ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยตำแหน่ง มาให้ถ้อยคำด้วยวาจา แต่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เข้าชี้แจง เนื่องจากเป็นผู้ลงนามคำสั่ง
ก่อนหน้านี้ทางคณะกรรมการฯ ได้แจ้งให้คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาดำเนินการชี้แจงอุทธรณ์เพิ่มเติมด้วยวาจากับกรรมการเจ้าของสำนวน ซึ่งเห็นว่าพยานหลักฐานเพียงพอต่อการวินิจฉัยและนำไปสู่การนัดพิจารณาได้แล้ว ที่ประชุมจึงต้องการเปิดโอกาสให้ 2 ฝ่ายแถลงด้วยวาจาและยื่นเอกสารประกอบคำแถลง โดยรูปแบบคือทั้ง 2 ฝ่ายต้องเข้าห้องวินิจฉัยเพื่อชี้แจงต่อหน้ากรรมการทั้ง 6 ท่านพร้อมกัน แต่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีสิทธิโต้แย้งกันเอง ซึ่งคณะกรรมการจะรับฟังเหตุผลทีละฝ่าย และให้อีกฝ่ายฟังไปด้วยในเวลาเดียวกัน เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนส่วนนี้ คณะกรรมการฯจะนำสำนวนหลักฐานที่ได้ทำไว้เสร็จแล้วประกอบกับการให้ถ้อยคำวันนี้ พิจารณาร่วมกันโดยจะสรุปผลวินิจฉัยในรอบการประชุม ซึ่งจะมีทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดีของทุกสัปดาห์
พล.ต.ท.อนุชา กล่าวอีกว่า เมื่อได้ข้อสิ้นสุดคำวินิจฉัยทางคณะกรรมการฯ จะส่งผลทั้ง 2 ฝ่ายให้รับทราบก่อนที่จะมีการแถลงให้สาธารณะชนรับทราบ ส่วนจะส่งให้นายกรัฐมนตรีรับทราบหรือไม่ ต้องพิจารณาว่าทางสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เรียกขอเอกสารส่วนนี้หรือไม่ “หากผลวินิจฉัยของคณะกรรมการฯออกมาเป็นลบ (คำสั่งออกจากราชการชอบด้วยกฎหมาย) ต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สามารยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 90วันหลังทราบผล เพื่อขอให้คุ้มครองสถานะการเป็นตำรวจชั่วคราว แต่ในทางกลับกันหากผลเป็นบวก (คำสั่งออกจากราชการมิชอบด้วยกฎหมาย) ต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ คำสั่งออกจากราชการ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการเพิกถอนและ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะกลับมารับตำแหน่งดังเดิม สิทธิประโยชน์คงเดิมรวมทั้งได้เป็นแคนดิเดตในการคัดเลือก ผบ.ตร.” พล.ต.ท.อนุชา กล่าว ส่วนประเด็นว่าผลวินิจฉัย ก.พ.ค.ตร. จะเสร็จสิ้นทันการคัดเลือก ผบ.ตร.เดือนกันยายนนี้หรือไม่ พล.ต.ท.อนุชา กล่าวว่า ผลวินิจฉัยคาดว่าเสร็จสิ้นภายใน 1-2 สัปดาห์จากนี้ ส่วนการลงมติผลครั้งนี้ของคณะกรรมการฯ จะออกมาลักษณะเป็นการลงเสียงข้างมากไปในทิศทางเดียวกัน
ด้านพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เข้าชี้แจงต่อ ก.พ.ค.ตร. เพื่อชี้แจงด้วยวาจาปมอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการชั่วคราวที่ลงนามโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร.ขณะที่ดำรงแหน่งรักษาราชการแทนผบ.ตร.ยอมรับว่า ได้เปลี่ยนชื่อ ด้วยการเพิ่ม ช.ช้างทำเพื่อความเป็นสิริมงคลของตัวเอง ส่วนที่ถูกมองว่าเป็นแมว 9 ชีวิตและจะมีชีวิตที่10 หรือ11หรือไม่ ตนจะให้สัมภาษณ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี