■■ ทำงามหน้าเหลือเกินสำหรับโรงเรียนฝึกอาชีพพื้นที่เขตหนองจอกสังกัดสำนักพัฒนาสังคม ซึ่งมี ผอ.สำนักฯ เป็นคนดีมีฝีมือวิสัยทัศน์เข้าถึงปัญหา ทำงานเก่ง ข้าราชการน้อยใหญ่ยอมรับ...

■■ เหตุเกิดเมื่อมีการเรียกตัวผู้สมัครวิทยากรไปสอบสอน 4 คน (สอบทฤษฎี 1 คน ขณะคนอื่นๆ สอบ ผู้มีสิทธิ์สอบทฤษฎีไม่อยู่ในห้องสอบ จึงมีสิทธิ์สอบ 3 คน)หลังสมัครเอาไว้ ที่สำคัญก่อนหน้าที่จะเรียกตัวผู้มีสิทธิ์สอบแปลว่า โรงเรียนมีการตรวจสอบหลักฐานเอกสารต่างๆ ทั้งหมดครบถ้วนสมบูรณ์แล้วถ้าหลักฐานไม่ครบต้องแจ้งให้ผู้สมัครทราบก่อนวันสอบ การเรียกตัวผู้สมัครเข้าสอบนั่นหมายถึงหลักฐานต่างๆ ครบถ้วนสมบูรณ์ (สอบวันที่ 2 สิงหาคม 2567 เวลา 9 นาฬิกา) ครั้นเมื่อถึงวันเวลาสอบ ผู้เข้าสอบ 1 ใน 3 ที่มาสอบถูกตัดสิทธิ์อ้างว่าหลักฐานไม่ครบ ซึ่งข้ออ้างดังกล่าวถือเป็นข้อบกพร่องของโรงเรียนฝึกอาชีพอย่างสาหัสสากรรจ์ เพราะก่อนจะเรียกตัวผู้สมัครสอบต้องมีการตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดเสียก่อน แล้วจึงประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ เมื่อเรียกสอบแล้วตำหนิเขาว่าหลักฐานไม่ครบแปลว่าอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นวลีที่ไม่ควรพูดไม่ควรทำก่อนจะไม่อนุญาตให้บุุคคล 1 ใน 3 คนสอบ อันส่งผลให้ผู้สมัครที่ไม่ได้สอบเสียหาย เสียชื่อต่อหน้ากรรมการคนอื่นๆ ที่เขาไม่รู้เรื่องด้วย รวมทั้งผู้เข้าสอบที่เป็นคนใหม่ทั้งหมดคล้ายเหมือนจงใจชี้หน้าว่า ผู้ไม่ได้สอบเป็นคนไม่ดี และคำพูดเชือดเฉือนเปรียบเทียบกระแหนะกระแหน เชิงทำนองว่างานนี้โรงเรียนไม่มีห้อง, ไม่มีงบ จะให้ ผอ.จ่ายค่าวิทยากรนั้นไม่ได้ ที่จัดสอบก็เพราะผู้้ใหญ่สั่งมา ยิ่งกว่านั้นคนที่เป็นปัญหาก่อให้เกิดการสอบครั้งนี้น่าจะรู้ตัวเองนะว่าเป็นใคร และมีอีกหลายวลีคำพูดที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ทำความกดดันให้กับผู้สมัครคนที่ถูก ผอ.โรงเรียน (ข้าราชการชำนาญการพิเศษ) กับลูกจ้างโรงเรียนบางคนตี “วัวกระทบคราด” ตอกย้ำประชดทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ในขณะที่ลูกจ้างประจำคนหนึ่งก็บอกกับผู้สมัครสอบว่า “ผมไม่ให้ผ่าน, ไม่ให้สอบ, สมัครไม่ได้” แล้วรับเขาเรียกเขามาสอบเพื่อ “พระแสงของ้าว” อะไร หรือเรียกเขามาประจาน แถมยังพูดเรื่องกฎหมายระเบียบของหลักเกณฑ์ว่า การสมัครจะต้องมีหลักฐานใบอนุญาตประกอบอาชีพ หรือประสบการณ์อย่างน้อย 3 ปี ขณะที่กรรมการอีกคนบอกว่าหลักฐานที่สมัครต้องใช้วุฒิประกาศนียบัตรของโรงเรียนฝึกอาชีพ ฯลฯ สรุป คือ เจตนาไม่ให้สอบ แล้วเพราะอะไรหรือแค้นเคืองกันมาเมื่อชาติปางก่อน หรือเข้าใจทึกทักเอาเองว่าผู้ใหญ่ฝากซึ่งข้อเท็จริงไม่มีเลย แล้วถ้าฝากทำไมไม่ได้สอบ...

■■ คำถามที่ทางโรงเรียนฝึกอาชีพต้องตอบ คือ 1)ถ้าหลักฐานไม่ครบเรียกเขาไปสอบเพื่ออะไร 2)คนที่เข้าสอบใช้หลักฐานประกาศนียบัตรของโรงเรียนฝึกอาชีพทั้งหมดที่พูดนั่นแน่ใจหรือไม่ 3)วุฒิบัตรกับประกาศนียบัตร กทม.ใครลงชื่อเซ็นชื่อ ผู้ว่าฯกทม.หรืออธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งไหนกระทำ มีศักดิ์ และศรีเหมือนกันหรือไม่ 4)ในระเบียบเขียนไว้ชัดหรือไม่ว่า วิทยากรที่จะสอบต้องจบจากโรงเรียนฝึกอาชีพเท่านั้น ศูนย์ฝึกอาชีพวุฒิต่ำใช้การไม่ได้ 5)บุุคคลที่มีสิทธิ์สอบทั้งสามคน ส่วนอีกคนลงทุนโทรศัพท์ตามตัว (ไม่แน่ใจช่วงหลังได้สอบหรือไม่ ถ้าได้สอบตรงนี้ถือว่าผิด เพราะมาสายต้องสอบไม่ได้) ถ้าให้สอบถือว่ากรรมการที่เป็นข้าราชการ และลูกจ้างร่วมมือกันประพฤติมิชอบ ม.157 และคนที่ได้สอบก็ไม่มีหลักฐานใบอนุญาตให้ประกอบอาชีพเช่นกัน เพราะในข้อเท็จจริงบุุคคลทั้ง 3 รวมทั้งผู้ที่ไม่ได้สอบก็ล้วนเป็นคนมีรายได้น้อยทั้งสิ้น 6)การกระทำของ ผอ.โรงเรียนที่ทำให้ผู้สมัครเสียสิทธิ์ครั้งนี้ ซึ่งอ้างว่าหลักฐานไม่ครบ อ้างว่าต้องจัดสอบเพราะผู้ใหญ่สั่งมา ถ้าสั่งมาจริงต้องได้สอบ แล้วทำไมถึงไม่ได้สอบ 7)ถ้ากรรมการบริสุทธิ์ใจเหตุใดไม่ให้เขาสอบแข่งกัน 3 คน (เฉพาะคนที่อยู่ในห้องสอบ) ส่วนสอบแล้วอ้างว่าขึ้นบัญชีไว้ 1 ปี โดยหลักจะขึ้นไว้กี่ปีกี่ชาติก็ทำไป แต่ใช้อำนาจตัดสิทธิ์เขาทั้งๆ เรียกเขามาสอบ (ประกาศว่ามีสิทธิ์สอบ) เป็นการบริหารที่เลือกปฏิบัติ เจตนาร่วมมือกันกลั่นแกล้งเนื่ิองจากมโนเข้าใจเอาเองว่ามีคนสั่ง เหตุผลดังกล่าว ผอ.สำนักฯต้องเร่งตรวจสอบ เพราะการอ้างดังกล่าวทำให้องค์กรเสียหาย หรือถ้าเรื่องทั้งหมดโรงเรียนฝึกอาชีพหนองจอกทำถูกต้องก็สมควรปรับขั้นเงินเดือนมอบรางวัลให้เลย เพื่อสดุดีให้ไว้เป็นเยี่ยงอย่างความชอบสืบไป...■■

ไผ่ฎำ