ว่าที่ ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมด้วยนางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เข้าร่วมการแถลงข่าวโครงการพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ผ่านระบบออนไลน์หลักสูตร “Inner Power Teachers” โดยมีพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในการแถลงข่าว ร่วมด้วย ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุและผู้บริหาร ศธ. อาทิ นายสิริพงศ์อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เข้าร่วม ณ อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. กล่าวว่า หลักสูตร “Inner Power Teachers”จะมุ่งเน้นการพัฒนา Mindset ทักษะการสื่อสาร และเทคนิคการสอนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ครูไทยได้พัฒนาศักยภาพตนเอง ทั้งในด้านการสอน การสื่อสารกับเด็กรุ่นใหม่ มีจำนวน 4 บทเรียน ได้แก่ 1.Happiness and success mindset for Thai Teachers มุ่งเน้นการสร้างทัศนคติที่ดีและมีความสุขในการทำงาน ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการสอนและความสำเร็จในอาชีพครู 2.Truth science for Thai Teachers มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิทยาศาสตร์และการสอนให้นักเรียนเข้าใจและใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการแสวงหาความจริง 3.Master your communication skills for Thai Teachers มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการสื่อสารรอบด้านของครู เพื่อสร้างความเข้าใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักเรียน ผู้ปกครองและเพื่อนร่วมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 4.Train the true Trainers มุ่งเน้นพัฒนาครูให้มีทักษะในการเป็นวิทยากร สามารถถ่ายทอดความรู้ ทักษะให้กับเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการพัฒนาวิชาชีพครู
“โดยครูและบุคลากรทางการศึกษาของ สพฐ. สามารถพัฒนาตนเองได้ทุกที่ทุกเวลา แบบ Anywhere Anytime ผ่านเว็บไซต์ Learning OBEC ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย และเริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค. 2567 ซึ่งตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อการศึกษาของชาติตลอดมา และภายในต้นเดือน พ.ย.2567 จะมีการคัดเลือกผู้เข้าร่วมอบรมจากระบบออนไลน์ จำนวนไม่เกิน 200 คน โดยแบ่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 20 คน ผู้อำนวยการโรงเรียน จำนวน 30 คน ศึกษานิเทศก์ จำนวน 50 คน และครู จำนวน 100 คน เพื่อเข้าอบรม “หลักสูตรครูสัมมาทิฏฐิ (นำร่อง)” เป็นเวลา 5 วันซึ่งจะสอนหลักสัจจศาสตร์ เพื่อความพ้นทุกข์ หลักการสื่อสารกับนักเรียน และหลักการสอนการถ่ายทอดที่สนุก และมีประสิทธิภาพ ภายในเดือน ธ.ค. 2567 นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรจิตวิทยาการสื่อสารกับลูกวัยทีนซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยให้ครูเข้าใจวิธีการสื่อสารกับเด็กรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัลลดความขัดแย้ง และส่งเสริมพัฒนาการที่ดีของวัยรุ่นได้อีกด้วย ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศ และสร้างครูที่มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาเยาวชนไทยให้เติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศชาติต่อไป” รมว.ศธ. กล่าว
ด้าน ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุ กล่าวว่า ในตลอด 20 ปีที่สอนมา สิ่งที่เห็นชัดเจนคือการเปลี่ยนแปลงของเด็ก ครูจะเจอเด็กที่เจ็บป่วยทางด้านจิตใจเพิ่มมากขึ้นทุกปี ทั้งเด็กที่ป่วยซึมเศร้าหรือทำร้ายตนเอง โดยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2009 ที่มีการเข้าถึงโซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลาย ครูจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีคนที่เข้ามาช่วยเหลือเด็กตรงนี้ ซึ่งสิ่งที่ครูเงาะมีคือองค์ความรู้ ทั้งด้าน Mindset ในการพัฒนาระบบความคิด หลักจิตวิทยา หลักสัจจศาสตร์ และหลักอริยสัจ ที่เอาความจริงมาอธิบายการใช้ชีวิต ซึ่งใช้ได้กับทุกคน ทุกศาสนา รวมถึงหลักการสื่อสารที่เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน เราต้องทำให้โรงเรียนมีครูเป็นแม่แบบให้กับลูกศิษย์ให้ได้เพื่อให้เด็กไม่ต้องหันไปหาความรู้ผิดๆ จากภายนอกเราจะเปิดใจนักเรียนผ่านการสื่อสารที่ถูกต้อง และด้วยหลักการสอนที่ทันสมัย จะทำให้ทุกวิชาไม่น่าเบื่อ ทำให้เด็กสนุกกับการเรียนได้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี