"รวิศ สอดส่อง" ผู้แทนรมว.ยุติ ธรรม ร่วมงานเลี้ยงรับรอง'วันชาติสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล'ในโอกาส2ประเทศ สถาปนาสัมพันธุ์ทางการทูตยาวนาน 65 ปี

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567นายรวิศ สอดส่อง ผู้แทนพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ เข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองเนื่องในโอกาสวันชาติสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยมี นายจูแซ บอร์เจช ดุช ซังตุช จูนียอร์ (H.E. Mr. José Borges dos Santos Júnior) เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลประจำประเทศไทย ให้การต้อนรับ ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ

โดยไทยและบราซิลได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2502 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 65 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศดำเนินด้วยดีเสมอมา  ซึ่งทั้ง 2 ประเทศ มีความสัมพันธ์ในระดับรัฐบาล โดยในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 11 และเยือนบราซิลอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2547 รวมทั้งและนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เยือนบราซิลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 – 18 สิงหาคม 2555 ได้พบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบราซิล

โดยไทยและบราซิล ได้ลงนามความตกลงทวิภาคีแล้ว 12 ฉบับ ได้แก่ 1) ความตกลงทางการค้า 2) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และวิชาการ 3) ความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ 4) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กับสมาพันธ์การค้าแห่งชาติบราซิล (The National Confederation of Commerce) 5) ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตรา สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ 6) ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา 7) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคี 8) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านวิชาการและการแลกเปลี่ยน ข้อมูลระบบการทำงานและการให้สินเชื่อเพื่อการส่งออกและนำเข้า ระหว่างธนาคารเพื่อ การส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธนส.) กับธนาคารแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติบราซิล (Banco Nacional de Desenvovimento Economico e Social – BNDES) 9) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านกีฬา10) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช  11)  บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือไตรภาคี และ 12) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือทางการเมืองในเรื่องที่มีความสนใจร่วมกัน