■■ ต้องยอมรับว่ามีการพูดถึงเรื่องฝนฟ้าตกหนัก ตกแบบพันปีตกติดต่อยาวนานเกิน 6 ชั่วโมง ปริมาตรน้ำฝนมากกว่า 120 มิลลิเมตรต่อวินาที กันมากมายหลายคน เชิงทำนองว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวแม้ไม่มีน้ำเหนือไหลหลากเข้ามาสมทบ โอกาสที่น้ำจะท่วมพื้นที่บางจุดของ กทม. (จุดอ่อนไหว) ก็จะมีเหมือนดังทุกปี ชนิดหลีกเลี่ยงไม่พ้น แต่การกู้วิกฤตน้ำท่วม (ฝกตกธรรมดา) กทม.สามารถรับมือได้ในเวลาไม่นาน เพราะปัจจุบันแผนป้องกันน้ำท่วมของ กทม. มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมสามารถรับมือได้ดีมาก ทั้งที่แผนเสร็จแล้วและกำลังเร่งรีบให้แล้วเสร็จสำหรับอนาคตหลายโครงการสำคัญ อันมีทั้งที่กำลังก่อสร้างรวมถึงการสานงานต่ออย่างไม่หยุดยั้ง คือ อุโมงค์ส่งน้ำเล็กใหญ่เชื่อมโยงกัน เพื่อระบายน้ำออกสู่เจ้าพระยาลงอ่าวไทยขณะเกิดฝนหนัก นั่นหมายถึงว่าถ้าโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ กทม.มีศักยภาพสูงที่จะเร่งระบายน้ำออกได้รวดเร็วขึ้น แต่ถ้าน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ส่งต่อไปลงอ่าวไทยเชื่องช้า ตรงนี้เขื่อนป้องกันน้ำท่วมริมฝั่งก็เสี่ยงเสียหาย และหากเขื่อนริมฝั่งเกิด “ชะตากรรมชะตาทราม” เสียหายน้ำก็ท่วมได้เช่นกัน...

■■ ดังนั้นวิกฤตน้ำที่จะถูกส่งออกอ่าวไทยด้วยวิธีธรรมชาติท่ามกลางธรรมชาติผิดปกติจะไม่ช่วยให้ กทม.พ้นความเสี่ยง เว้นเสียแต่ว่าหน่วยงานหลักของรัฐฯทั้งหมดที่มีเครื่องไม้เครื่องมือร่วมผลักดันผันน้ำให้พร้อมเพรียง ตรงนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมได้ระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันถ้าปริมาตรน้ำที่ถูกปล่อยออกจากเขื่อนเจ้าพระยามีมาก และมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมงใน กทม.ปรากฏการณ์นี้ก็น่าห่วง...

■■ หรือถ้าเขื่อนมีการปล่อยน้ำออกเจ้าพระยา 2,500-3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปริมาตรน้ำที่ไหลผ่าน กทม.ลงอ่าวไทยมีจำนวนมาก กอปร์กับเกิดฝนตกหนักใน กทม.สมทบอีก โอกาสน้ำท่วมขังที่ต้องใช้เวลาระบายก็จะนานกว่าปกติเช่นกัน...

■■ สรุปถ้าฝนหนักเพราะอิทธิพลของพายุที่หวั่นเกรงกันในเดือนกันยายน 2567 รุนแรง กทม.ย่อมเสี่ยง แต่หากถ้าโชคดีพายุที่หวั่นวิตกซึ่งแผลงฤทธิ์เดชทำลายจีน เวียดนามพังพินาศนั้น เมื่อเข้าถึงไทยไม่รุนแรง แม้ฝนจะตกนานแต่มีปริมาณน้ำน้อย กทม.รอด...

■■ ทั้งหมดนี้เป็นเป็นการคาดเดาที่เตือนว่าประชาชนอย่าวิตก แต่ให้เตรียมพร้อมรับมือไว้ทุกสถานการณ์ เพราะน้ำเหนือมีมาก...

■■ ปิดท้ายด้วยเรื่องนักร้องที่กำลังเฮี้ยนจัดกับรัฐบาลพลเรือน จนทำความข้องอกข้องใจสงสัยให้ประชาชนทั่วหน้า เพราะนักร้องเหล่านี้กลับไม่แยแสต่อพฤติกรรมอุบาทว์สามานย์โสโครกสกปรกของ “แก๊งผีเปรตคอลเซ็นเตอร์” เลย แม้แต่คนเดียว นักร้องบางคนถูกมองว่าเรื่องนี้อาการคล้ายเหมือนจะลงแดงหากขาดแสง ทั้งๆ รู้เต็มอก “คอลเซ็นเตอร์” ดีกรีมหาอุบาทว์แค่ไหน ทำลายเศรษฐกิจ ตลอดทั้งการกินดีอยู่ดีของประชาชนอย่างไร ยิ่งกว่านั้นก็ไม่มีนักร้องหน้าไหนกล้าหาญ เปรี้ยงปร้างทุบโต๊ะร้องธนาคาร, สถาบันการเงิน ให้ออกมารับผิดชอบความมั่นคงปลอดภัยเกี่ยวกับทรัพย์สินประชาชนให้เต็มจำนวนกับยอดเงินที่แก๊งเปรตดูดเอาไปจากธนาคารเลย ว่ากันว่า ถ้านักร้องคนใดร้องคอลเซ็นเตอร์ ร้องธนาคาร นักร้องคนนั้นจะดูดีมีสกุลยิ่ง...

■■ มีคำเตือนจากประชาชนบางคนว่า ถ้าร้องลักษณะหวังเล่นกันทางการเมืองเพื่อใครบางคน หรือเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากไป ระวังวิกฤตชีวิตอัปมงคลจะเกิดตามมา...■■

ไผ่ฎำ