ศาลอาญากรุงเทพฯใต้ยกฟ้องคดี"บิ๊กโจ๊ก"ฟ้องหมิ่น"บิ๊กเต่า"กรณีให้สัมภาษณ์สื่อกล่าวหาทรยศ สตช.-ผู้บังคับบัญชา ศาลบอกคดีไม่มีมูลเพียงพอ ให้ยกฟ้อง
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 67ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลนัดอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งคดีหมายเลขดำอ631/2567 ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก อดีตรอง ผบ.ตร.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือ บิ๊กเต่า อดีตผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) ปัจจุบันเป็นรองผบช.ก.เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาฯ
โดยโจทก์ยื่นฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 67 จำเลย ซึ่งขณะนั้น ดำรงตำแหน่ง ผบก.ปปป. ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน กรณีที่ได้รับเเต่งตั้งเป็นรองหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีเว็บพนันออนไลน์มีอำนาจสอบสวนคดีที่มีการกล่าวหาโจทก์ โดยลักษณะคำให้สัมภาษณ์ของจำเลยเป็นการใส่ร้ายโจทก์ทำนองว่า โจทก์ทรยศสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทรยศผู้บังคับบัญชามาแล้วหลายคน นอกจากนี้จำเลยยังสรุปและวินิจฉัยว่าโจทก์ได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชากระทำผิดอาญา ทั้งๆ ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)ยังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาและศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิลิบกลาง ยังไม่ได้มีคำพิพากษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำให้ประชาชนที่ได้รับชมและรับฟังเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนชั่ว เป็นคนไม่ดี ทำร้ายและทรยศแม้แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นองค์งค์กรต้นสังกัดและทรยศผู้บังคับบัญชามาแล้วหลายคน
การกระทำของจำเลยดังกล่าวข้างต้นเป็นการจงใจหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ทำให้ประชาชนทั่วไปที่ได้รับฟังคำสัมภาษณ์จำเลยเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนชั่ว คนเลว ทุจริตประพฤติมิชอบ เป็นคนเนรคุณทรยศองค์กรและผู้บังคับบัญชา
โดยปัจจุบันคณะกรรมการปปช.ยังไม่ได้ชี้มูลความผิดโจทก์และศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้กระทำผิดในเรื่องที่จำเลยใส่ความโจทก์แต่อย่างใด ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง นอกจากนี้จำเลยไม่อาจหยิบยกอำนาจหน้าที่ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนและโฆษกคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนมากล่าวอ้างในการเปิดเผยข้อเท็จจริงในสำนวนและวินิจฉัยว่าโจทก์กระทำผิดตามข้อกล่าวหาเพราะการสืบสวนและสอบสวนกรณีกล่าวหาว่ามีความผิดอาญาเกิดขึ้นมีวัตถุประสงค์เพื่อการ แสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐาน ตลอดจนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดซึ่งจะต้องดำเนินการไปตามลำดับขั้นตอนของบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องจนนำไปสู่การวินิจฉัยชี้ขาดความผิดโดยศาลที่มีอำนาจ หาใช่เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนหรือสอบสวนที่จะแถลงข้อเท็จจริงหรือวินิจฉัยความผิดเสียเอง อันมีลักษณะเป็นการชี้น้ำสังคมแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่มีมูลเพียงพอ ที่จะประทับฟ้องคดีไว้พิจารณาพิพากษายกฟ้อง.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี