วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
‘กสม.’แนะแก้กฎหมายวิชาชีพ‘ทนายความ’ให้ชัด ‘ห้ามคนเคยต้องโทษ’แยกประเภทความผิดไม่เหมารวมทุกคดี

‘กสม.’แนะแก้กฎหมายวิชาชีพ‘ทนายความ’ให้ชัด ‘ห้ามคนเคยต้องโทษ’แยกประเภทความผิดไม่เหมารวมทุกคดี

วันศุกร์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2567, 14.49 น.
Tag : ทนายความ วิชาชีพ แก้กฎหมาย กสม ห้ามคนเคยต้องโทษ
  •  

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 นายภาณุวัฒน์ ทองสุข ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของ กสม. ว่า กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือนมกราคม 2567 จากผู้ร้องรายหนึ่ง ระบุว่า ผู้ร้องเคยต้องโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก โดยในขณะต้องขังในเรือนจำผู้ร้องสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต แต่เมื่อพ้นโทษและสอบผ่านหลักสูตรอบรมที่สำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความแล้ว ในขั้นตอนขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความ กฎหมายกำหนดให้ต้องมีคุณสมบัติเป็นสมาชิกแห่งเนติบัณฑิตยสภาก่อน

ผู้ร้องจึงยื่นขอเป็นสมาชิกวิสามัญแห่งเนติบัณฑิตยสภา แต่คณะกรรมการเนติบัณฑิตยสภาพิจารณาว่าผู้ร้องเป็นผู้มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมจะเป็นเนติบัณฑิตเนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ทำให้ผู้ร้องขาดคุณสมบัติในการขึ้นทะเบียนเป็นทนายความ อันกระทบต่อเสรีภาพในการประกอบอาชีพตามที่ได้รับการคุ้มครองไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) จึงขอให้ตรวจสอบ


กสม. ได้ศึกษาข้อเท็จจริง บทบัญญัติของกฎหมาย ประชุมรับฟังความเห็นจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งได้ศึกษาตัวอย่างกฎหมายในต่างประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐเกาหลีและสหราชอาณาจักร แล้วเห็นว่า กรณีตามคำร้องดังกล่าวมีข้อพิจารณาสามส่วน สรุปได้ ดังนี้

(1) คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการประกอบวิชาชีพด้านกฎหมาย ปัจจุบันผู้สำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต มีโอกาสประกอบวิชาชีพทางกฎหมาย เช่น ทนายความ พนักงานอัยการ หรือข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม ด้วยการเป็นสมาชิกแห่งเนติบัณฑิตยสภา สำหรับผู้ที่จะประกอบวิชาชีพทนายความในช่วงการฝึกอบรม ผู้สมัครเข้ารับการฝึกอบรมวิชาชีพว่าความยังไม่ต้องเป็นสมาชิกแห่งเนติบัณฑิตยสภา แต่ต้องมิใช่ผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก

และช่วงการขึ้นทะเบียนเป็นทนายความ ผู้ผ่านการฝึกอบรมได้รับประกาศนียบัตรแล้ว จะต้องเป็นสมาชิกเนติบัณฑิตยสภา และต้องไม่เคยต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในคดีที่คณะกรรมการเห็นว่าจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพด้วยตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 35

(2) ขั้นตอนการสมัครเป็นสมาชิกแห่งเนติบัณฑิตยสภาและการขึ้นทะเบียนเป็นทนายความกับสภาทนายความ ปรากฏว่ามีการกำหนดหลักเกณฑ์การตรวจสอบคุณสมบัติไว้แตกต่างกัน กล่าวคือ กรณียื่นขอสมัครเป็นสมาชิกวิสามัญแห่งเนติบัณฑิตยสภาโดยที่ยังไม่ได้อบรมวิชาว่าความกับสภาทนายความ คณะกรรมการเนติบัณฑิตยสภาจะตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครในเบื้องต้นก่อนซึ่งจะทำให้ผู้สมัครทราบว่าตนเองมีสิทธิจะขึ้นทะเบียนเป็นเนติบัณฑิตหรือไม่

ส่วนกรณียื่นขอสมัครเป็นสมาชิกวิสามัญแห่งเนติบัณฑิตยสภา ภายหลังจากผ่านการอบรมวิชาว่าความกับสภาทนายความ จนถึงขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติของคณะกรรมการเนติบัณฑิตยสภา หากคณะกรรมการเนติบัณฑิตยสภาพิจารณาเห็นว่าคุณสมบัติของผู้สมัครไม่เหมาะสมที่จะเป็นสมาชิกแห่งเนติบัณฑิตยสภา ผู้นั้นก็จะหมดสิทธิในการขึ้นทะเบียนเป็นทนายความ

กสม. เห็นว่า เมื่อการอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความถูกนำมาเป็นหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพทนายความ บุคคลย่อมต้องมุ่งหมายว่าเมื่อผ่านการอบรมจะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทนายความ ดังนั้น หากในกระบวนการรับสมัครผู้เข้ารับการอบรมวิชาว่าความมีการแจ้งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามที่ชัดแจ้งและครบถ้วนตรงตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยทนายความแล้ว ผู้เข้ารับการอบรมย่อมมีสิทธิที่จะตรึกตรองเพื่อวางแผนการดำเนินชีวิตอันเป็นพื้นฐานของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ได้

(3) การกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครเป็นสมาชิกเนติบัณฑิตยสภาและผู้ขึ้นทะเบียนเป็นทนายความ มีความเห็นเป็นสองประเด็น ดังนี้ ประเด็นที่หนึ่ง การใช้ถ้อยคำเพื่อกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครเป็นสมาชิกเนติบัณฑิตยสภา และผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นทนายความยังขาดความชัดเจน กล่าวคือ การกำหนดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกเนติบัณฑิตยสภาตามข้อบังคับของเนติบัณฑิตยสภา พ.ศ. 2507 มีการใช้ถ้อยคำที่ให้คณะกรรมการเนติบัณฑิตยสภาใช้ดุลพินิจได้อย่างกว้างขวาง แต่โทษตามคำพิพากษามีการกำหนดระวางโทษแตกต่างลดหลั่นกันตามความร้ายแรงแห่งโทษที่กระทำผิด

“ดังนั้น การกำหนดหลักเกณฑ์ที่มีผลเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพหลังพ้นโทษ ไม่ว่าจะโดยกฎระเบียบของเนติบัณฑิตยสภาหรือสภาทนายความจึงต้องมีความชัดเจนแน่นอนเพียงพอที่จะใช้ดุลพินิจคาดหมายได้ว่าพฤติการณ์ หรือประวัติการกระทำผิดเพียงใดที่ไม่เหมาะสมในการประกอบวิชาชีพกฎหมายแต่ละประเภท” นายภาณุวัฒน์ กล่าว

ที่ปรึกษา กสม. กล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่สอง ข้อพิจารณาเกี่ยวกับความพอสมควรแก่เหตุในการกำหนดคุณสมบัติของผู้เคยต้องโทษตามคำพิพากษาให้จำคุก เห็นว่า นอกจากการพิจารณาถึงรายละเอียดการกระทำ ความร้ายแรงแห่งข้อหา และสภาพของการกระทำความผิดว่ามีลักษณะที่ไม่เหมาะสมในการประกอบอาชีพแล้ว รัฐยังต้องพิจารณาว่า เมื่อบุคคลได้รับโทษตามคำพิพากษา และได้รับการพัฒนาฟื้นฟูพฤตินิสัยแล้ว ย่อมต้องไม่ถูกตีตราและกีดกันออกจากผู้คนในสังคมอย่างถาวร

แต่เมื่อพิจารณาบทบัญญัติในพระราชบัญญัติทนายความฯ มาตรา 35 (6) ที่กำหนดเกี่ยวกับบุคคลที่เคยต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด และข้อบังคับเนติบัณฑิตยสภา พ.ศ. 2507 แล้ว จะเห็นได้ว่า คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามดังกล่าวอาจก่อให้เกิดการตัดสิทธิในการประกอบวิชาชีพทนายความอย่างถาวร โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนเวลาในการยกเว้นให้คณะกรรมการใช้ดุลพินิจให้ผู้เคยต้องโทษจำคุกสามารถขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตว่าความ หรือสมัครเป็นสมาชิกแห่งเนติบัณฑิตยสภาได้

กสม. เห็นว่า การที่บทบัญญัติไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจแก่ประชาชนจึงเป็นการขัดแย้งต่อนโยบายในการฟื้นฟูแก้ไขผู้กระทำความผิด ทั้งยังจำกัดเสรีภาพในการประกอบอาชีพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับการกำหนดคุณสมบัติของการขึ้นทะเบียนเป็นเนติบัณฑิตหรือทนายความตามกฎหมายของประเทศสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐเกาหลีแล้วปรากฏว่าประเทศทั้งสองมีการกำหนดระยะเวลาภายหลังพ้นโทษไว้เป็นข้อยกเว้นในการรับบุคคลเป็นเนติบัณฑิตหรือทนายความไว้อย่างชัดแจ้ง

ด้วยเหตุผลข้างต้น กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ สรุปได้ดังนี้

(1) ให้สภาทนายความแก้ไขข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการฝึกอบรมวิชาว่าความ พ.ศ. 2529 ข้อ 5 ให้ตรงกับคุณสมบัติตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 และกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครอบรมวิชาว่าความให้มีความชัดเจนและครอบคลุมกรณีต่างๆ ให้ครบถ้วน โดยจัดทำคู่มือ หรือแนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับการพิจารณาคุณสมบัติของผู้มีสิทธิจดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความให้ครอบคลุมทุกกรณี โดยเฉพาะกรณีผู้เคยต้องโทษจำคุก เช่น พิจารณาจากความร้ายแรงแห่งพฤติการณ์ในคดี ประเภทของความผิด ระยะเวลาภายหลังพ้นโทษ หรือการทำประโยชน์ให้สังคม เป็นต้น ทั้งนี้ จะต้องประกาศหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงและรับทราบได้

(2) ให้เนติบัณฑิตยสภาแก้ไขข้อบังคับเนติบัณฑิตยสภาเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้สมัครสมาชิกวิสามัญที่เคยต้องโทษจำคุกให้มีหลักเกณฑ์การใช้ดุลพินิจชัดเจน เช่น การกำหนดฐานความผิด อัตราโทษที่ถูกศาลพิพากษาลงโทษ หรือประเภทของพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมอันมีสภาพร้ายแรงไม่สมควรแก่การเป็นสมาชิกเนติบัณฑิตยสภา รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับระยะเวลาภายหลังพ้นโทษ โดยจะต้องมีการประกาศหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้เช่นกัน

(3) ให้กระทรวงยุติธรรม และสภาทนายความแก้ไขพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 โดยกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ขอจดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความให้มีความชัดเจนว่าพฤติการณ์แห่งคดีใดที่ไม่อาจขึ้นทะเบียนเป็นทนายความได้ และคดีลักษณะใดอาจได้รับการยกเว้นหากล่วงพ้นระยะเวลาหลังพ้นโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกแล้ว โดยอาจนำระยะเวลาจากร่างกฎหมายว่าด้วยประวัติอาชญากรรม หรือแนวคิดของกฎหมายสาธารณรัฐเกาหลี เช่น ห้าปีนับแต่วันพ้นโทษจำคุก มากำหนด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • กสม.ประณาม!! เหตุยิงสามเณรมรณภาพพื้นที่\'สะบ้าย้อย\' กสม.ประณาม!! เหตุยิงสามเณรมรณภาพพื้นที่'สะบ้าย้อย'
  • ย้อนศร‘สตง.’ ‘​กสม.’บี้รับการตรวจสอบเข้มข้น เหมือนที่ไล่เช็คบิลหน่วยงานอื่น ย้อนศร‘สตง.’ ‘​กสม.’บี้รับการตรวจสอบเข้มข้น เหมือนที่ไล่เช็คบิลหน่วยงานอื่น
  • ‘นิพิฏฐ์’เล่าเรื่อง‘ทนายความ’ รวยจนเกินเหตุพึงสันนิษฐานว่าละเมิดจรรยาบรรณ ‘นิพิฏฐ์’เล่าเรื่อง‘ทนายความ’ รวยจนเกินเหตุพึงสันนิษฐานว่าละเมิดจรรยาบรรณ
  • ผุดไอเดีย!แนะสภาทนายอบรมหลักธรรม‘ทนายความ’ ก่อนออกใบอนุญาต ผุดไอเดีย!แนะสภาทนายอบรมหลักธรรม‘ทนายความ’ ก่อนออกใบอนุญาต
  • ‘กสม.’หารือ‘กองทัพบก’แนวทางการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนร่วมกัน ‘กสม.’หารือ‘กองทัพบก’แนวทางการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนร่วมกัน
  • ขยี้สภาทนายฯ!‘แทนคุณ’ร้อง‘ประธานสภาฯ’สอบ ปล่อยให้มี‘ทนายโจร-มิจฉาชีพ’ ขยี้สภาทนายฯ!‘แทนคุณ’ร้อง‘ประธานสภาฯ’สอบ ปล่อยให้มี‘ทนายโจร-มิจฉาชีพ’
  •  

Breaking News

เริ่มแล้ว!!! การแข่งขันเรือใบ Trat Regatta 2025 ระดับนานาชาติครั้งแรกในจังหวัดตราด

'โฆษก​ มท.'แจงแล้ว! ​ปมเรียก​สรรพนาม'คุณลูกค้า'แทน'คุณลุง​-​คุณป้า'

ด่วน!เปิดชื่อ 55 สว. เรียกรับทราบข้อหาปม'คดีฮั้ว' แบ่งเป็น 3 ลอต

ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติ'แพทยสภา'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved