วันที่ 23 ตุลาคม 2567 นายวัชระ ไกรสัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 เปิดเผยว่า ฝนที่ตกในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง บริเวณจังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดนครสวรรค์ ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C2. จ.นครสวรรค์ มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับ แม่น้ำสะแกกรัง จ.อุทัยธานี มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้ปริมาณน้ำที่ไหลไปรวมกันด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กรมชลประทาน จึงต้องปรับเพิ่มการส่งน้ำเข้าระบบชลประทาน และปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มขึ้นอีกรอบ

โดยสถานการณ์น้ำเจ้าพระยา วันนี้ ปริมาณน้ำไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ มีปริมาณ 1,762 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 123 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แม่น้ำสะแกกรัง จ.อุทัยธานี มีปริมาณ 316 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 189 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีปริมาณ 1,989 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 231 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อน ที่ อ.เมืองชัยนาท สูงขึ้นจากเมื่อวาน 14 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 17.21 เมตร(รทก) น้ำระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เมื่อเวลา 06.00 น. ระบายน้ำในอัตรา 1,498 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะเพิ่มระบายน้ำเป็น 1,550 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในเวลา 12.00 น. ระดับน้ำท้ายเขื่อน ที่ อ.สรรพยา สูงขึ้นจากเมื่อวาน 72 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 12.82 เมตร(รกท) ต่ำกว่าตลิ่ง 3.52 เมตร

ทั้งนี้ เขื่อนเจ้าพระยา จะปรับเพิ่มระบายน้ำท้ายเขื่อน ตามปริมาณน้ำฝนและน้ำท่าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 10-20 เซนติเมตร จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด