"ทนาย"รับออเดอร์"บอสพอล" เตรียมแจ้งความกลุ่มแม่ข่าย 2,000 คน ตีเนียนเป็นผู้เสียหาย ในข้อหาฉ้อโกงประชนชน ระบุ"บอสพอลจะไม่ปล่อยมือใคร" แย้มเตรียมยื่นประกันหลังพ้นฝากขังผัดแรก ถ้าได้ประกันตัว"15 บอส"จะออกทุกรายการ ชี้แจงธุรกิจดิไอคอน

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ "บอสพอล" นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ต้องหาในคดีดิไอคอน เปิดเผยภายหลังการเข้าเยี่ยมบอสพอล ว่า ได้รับทราบข้อมูลจาก "บอสปีเตอร์" ว่า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้นำหนังสือเอกสารมาให้บอสแลปเซ็น เพื่อมอบอำนาจให้ตัวเองเป็นตัวแทนบอสแลปในการต่อสู้คดีและแถลงข่าว โดยส่งผ่านทางเจ้าหน้าที่เรือนจำ ซึ่งบอสแลปรู้ว่าไม่มาด้วยเจตนาดี จึงไม่ได้เซ็นแต่อย่างใด นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังเข้ามาอยู่ในห้องขณะที่พนักงานสอบสวนได้นำผังโครงข่ายแม่ทีมดิไอคอนมาให้บอสแลปยืนยัน ซึ่งสัปดาห์หน้าไปแจ้งความดำเนินคดีพนักงานสอบสวนในมาตรา 157 ส่วนนายอัจฉริยะแจ้งข้อหาสนับสนุนให้กระทำความผิด

นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ตนได้รับออเดอร์เพิ่มเติมจากบอสพอล อีก 1 ออเดอร์ คือ ให้แจ้งความกับกลุ่มแม่ข่าย 2,000 คน ที่ตีเนียนเป็นผู้เสียหายในข้อหาฉ้อโกงประชนชน เนื่องจากมีขบวนการแจ้งความเท็จแบบเป็นแพทเทิร์น ซึ่งหลักฐานอยู่กับพนักงานคนหนึ่งที่รวบรวมหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอ พบว่ากลุ่มผู้ที่มาแจ้งความกับดิไอคอนเป็นการแจ้งความป็นแพทเทิร์น ว่าดิไอคอนไปหลอกลวงตัวแทนสั่งซื้อพวกดีลเลอร์ 250,000 หรือ 25,000 หลอกให้ซื้อของแล้วก็ขายไม่ได้ โดยให้สัญญาว่ามีแม่ข่าย แม่ทีมช่วยขาย ซึ่งไม่ใช่ เพราะบริษัทดิไอคอนเป็นบริษัทขายส่งสินค้าให้กับตัวแทน แล้วตัวแทนไปขายต่อ ลักษณะคล้ายเหมือนกับแม็คโครที่มีคนมาซื้อของไปขายต่อ ถ้าเขาขายไม่ได้ก็ต้องรับความเสี่ยงนั้นไป ซึ่งมีความพยายามจะแจ้งความกับดิไอคอนเป็นแพทเทิร์น เพื่อบิดประเด็นให้เข้าฉ้อโกง แล้วเกณฑ์ผู้เสียหายผู้ที่ขายของไม่ได้จำนวนเยอะๆ เพื่อมาแจ้งความดำเนินคดี

เมื่อถามย้ำว่า ทนายหมายความว่าแม่ข่ายมีหน้าที่ขายสินค้าอย่างเดียว แต่ไม่มีหน้าที่ไปหาคนมาเพิ่ม ทนายวิฑูรย์ กล่าวว่า "ใช่ ความหมายอย่างนั้น" ส่วนตัวแทนในแต่ละระดับได้แค่ส่วนลดในการซื้อสินค้าเท่านั้น ถ้าตัวแทนในระดับต่ำกว่าคุณซื้อสินค้าได้เยอะ ตัวแทนที่อยู่สูงกว่าคุณก็จะได้รับส่วนลดในการซื้อสินค้า แต่คุณจะมีรายได้ต่อเมื่อคุณมีการขายสินค้า

ต่อข้อถามว่า ลักษณะนี้จะเป็นการโยนความผิดให้กับแม่ข่ายหรือไม่ ทนายวิฑูรย์ ตอบว่า เป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่การโยน แต่ถ้ามีแม่ทีมคนใดที่ไปหลอกหรือไปหว่านล้อมให้ตัวแทนระดับอินยูสเซอร์สั่งซื้อสินค้ามาเปิดบิลดีลเลอร์ เพื่อที่ตัวเองจะได้ผลประโยชน์ในการซื้อสินค้าในราคาที่ถูกลง แล้วสัญญาว่าจะไปช่วยขายหรือหาคนมาซื้อสินค้าต่อจากตัวเอง ซึ่งประเด็นนี้คุณก็จะเป็นผู้กระทำความผิด ดังนั้น ถ้ากล่าวหาว่าดิไอคอนผิดในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ทั้งๆ ที่เราไม่เคยไปหลอกใครให้มาเปิดบิล แต่พวกคุณ (แม่ข่าย) เป็นคนหว่านล้อมให้เขาเปิดบิล ก็ต้องเป็นผู้ต้องหาเหมือนเราใช่หรือไม่

"โดยสัปดาห์หน้าเราจะทำหนังสือถึงตำรวจสอบสวนกลาง ให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน กับทุกคนผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้เสียหาย แต่เป็นผู้เสียผลประโยชน์ ซึ่งคาดว่ามีคนตีกินไม่ต่ำกว่า 2,000 คน เป็นข้อหาเหมือนกับกลุ่มบอส 18 คน"

ทั้งนี้ บอสพอล ฝากให้มาบอกนักข่าว ว่า "พอลจะไม่ปล่อยมือใคร จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราโดนดำเนินคดี คุณก็ต้องดำเนินคดี ต้องแฟร์กับเราด้วย ตอนนี้ข้างในอบอุ่น" เพราะว่าเราไม่ได้กระทำความผิด แต่มาโดนดำเนินคดี ส่วนคนที่เป็นคนทำตัวจริงไปหลอกลวงให้คนมาซื้อสินค้า ตัวเองขายสินค้าได้และได้ส่วนลด ให้คนไปหาคนมาซื้อของ ซึ่งคนกลุ่มนี้มีเยอะ โดยขณะนี้มียอดผู้มาแจ้งความจำนวน 8,000 คน ซึ่งบอสพอล และตนเอง ประเมินว่าแม่ทีมน่าจะประมาณ 4 พัน ถึง 5 พันคน

ทนายวิฑูรย์ เผยถึงไทม์ไลน์การโทรศัพท์ของ ทนาย ต. ว่ามีการพูดคุยเรื่องเงินจำนวน 7 ล้านนั้น ชี้แจงว่า บอสพอสเล่าให้ตนฟังว่า ช่วงวันที่ 12 - 13 ต.ค. (เริ่มมีข่าวเรื่องบริษัทดิไอคอน) มีเบอร์สำนักทนายความ เป็นผู้บริหารโทรมาหาบอสพอล ว่ามีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งขอให้มาเจรจาเคลียร์มา จำนวน 7 ล้านบาท ก่อนจะวางสายไป จากนั้นวันที่ 15 ต.ค.บอสพอลได้โทรกลับไป แต่ก็ยังไม่ได้รายละเอียดอะไร เพราะถูกจับในวันที่ 16 ต.ค.เสียก่อน

ขณะเดียวกัน ทนายวิฑรูย์ ยังบอกว่า หลังจากเข้าเยี่ยมบอสพอล และได้คุยกันกับกลุ่มทนายความของ 15 บอส ยกเว้นกลุ่มบอสดาราที่ยังไม่ได้คุย ทุกคนบอกว่าหากได้รับโอกาสในการประกันตัว ก็พร้อมออกทุกรายการ เพื่อชี้แจงทุกเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทดิไอคอน และอาจยื่นประกันหลังพ้นการฝากขังในผัดแรกไปก่อน เพราะที่ผ่านมากระแสสังคมมันแรง จึงไม่สามารถพูดอะไรได้ ส่วนที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ยื่นประกัน เนื่องจากเกรงว่าจะถูกคัดค้านหวั่นไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ส่วนจะได้ประกันหรือไม่นั้นเป็นดุลยพินิจของศาล

- 006