5 พ.ย.2567 นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ที่ปรึกษารมช.มหาดไทย อดีตผู้สมัคร สส.เชียงราย พรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊ค “หมอเอก Ekkapob Pianpises” ถึงกรณีที่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย ฟอกไตฟรี ที่ เป็นนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุขว่า  ขณะนี้มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย ฟอกไต ของกลุ่มผู้ป่วย ไตวาย ด้วยเหตุผลที่น่าสงสัย ?!!! 

หลังจากที่การฟอกไตทางเส้นเลือดได้ประกาศให้ ฟอกไตฟรี เมื่อ กุมภาพันธ์ 2565 จากเดิมที่ผู้ป่วยต้องจ่ายค่าส่วนต่างในการฟอกไตแต่ละครั้ง ประมาณ 2 พันบาท ทำให้ผู้ป่วยฟอกไตทางเส้นเลือดเพิ่มขึ้นจาก 24,405 ราย เป็น 63,352 ราย (ข้อมูลถึง 30 กย. 2567) และ ผู้ป่วยฟอกไตทางหน้าท้องลดลงจาก 26,073 ราย เหลือ 11,070 ราย (ข้อมูลถึง 30 กย. 2567) จากเมื่อวันที่ 1 กพ. 65 มีผู้ป่วยฟอกไตสะสม 50,478 ราย เพิ่มขึ้นเป็น 81,225 ราย หรือ คิดเป็นผู้ป่วยไตวายได้เข้าถึงการฟอกไตเพิ่มขึ้นถึง 3 หมื่นรายในเวลาเพียง 2 ปี !!!!! และในระยะเวลาเพียง 2 ปีจากการเริ่มต้นฟอกไตฟรีทางเส้นเลือด ทั่วประเทศมีศูนย์ฟอกไตเพิ่มขึ้นถึง 30% ทำให้ศูนย์ฟอกไตกระจายไปตามพื้นที่ห่างไกล ใกล้บ้านผู้ป่วยมากขึ้น การเข้ารับบริการจึงสะดวกมากขึ้น แต่..... แทนที่จะทำสิ่งดีๆ เพื่อคนไข้ไตวายต่อ สปสช. กลับเปลี่ยนแนวทางนโยบาย ให้การฟอกไตทางช่องท้องเป็นทางเลือกแรก !!!!!! ด้วยเหตุผลที่น่าสงสัย... 

ข้อแรก บอกว่าคนไข้ที่ ฟอกไตทางเส้นเลือด มีอัตราการเสียชีวิตใน 90 วันเพิ่มขึ้น 5,500 ราย ????? ลองดูตัวเลขสิครับ... คนไข้อาการหนักๆ ที่เปลี่ยนจากฟอกทางหน้าท้องมาเป็นฟอกทางเส้นเลือดก็เป็นหมื่นรายแล้ว ไหนจะคนไข้ที่ก่อนหน้านี้ต้องรอคิวฟอกไต หรือตัดสินใจไม่ฟอกเพราะไม่มีเงิน จนโรคหนักขึ้น พอได้โอกาสมาเข้ารับการฟอกไตก็อาจจะช่วยไม่ทันแล้วอีกเท่าไหร่ ??? 

ข้อสอง ยิ่งถ้าดูตัวเลขการเข้านอนโรงพยาบาลในผู้ป่วยที่ฟอกไตทางเส้นเลือด มีเพิ่มขึ้นแต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แต่เทียบกับกลุ่มที่ฟอกไตทางช่องท้อง ทั้งที่จำนวนคนที่ฟอกด้วยวิธีนี้ลดลงเป็นครึ่งหนึ่งจากเดิม แต่การรักษาโรคแทรกซ้อนจากที่ต้องเข้านอนโรงพยาบาลแทบไม่ลดลง !!!!

ดังนั้น การใช้เหตุผลที่น่าสงสัย ไม่ชัดเจนมาเปลี่ยนแปลงนโยบาย และริดรอนสิทธิ์การเข้าถึงการฟอกไตของผู้ป่วยไตวาย อาจไม่ใช่ข้อมูลแบบที่กล่าวอ้าง ???? หรือว่า.... จะเป็นแบบที่เคยมีคนตั้งข้อสังเกตว่า จำนวนเงินที่จัดซื้อน้ำยาฟอกไตทางช่องท้องในแต่ละปีมันหอมหวานเสียเหลือเกิน ???!!! การที่คนไข้ใช้วิธีฟอกไตทางเส้นเลือดมากขึ้น และมีข้อมูลว่าการบริการคนไข้ถึง 80% ดำเนินการโดยเอกชนทั้งโรงพยาบาลเอกชน ศูนย์ฟอกไตเอกชน และ ศูนย์ฟอกไตในโรงพยาบาลรัฐที่เอกชนเป็นผู้ทำสัญญาลงทุน จึงไม่หอมหวานเท่าการฟอกไตทางช่องท้อง ????