วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
เร่งทำสำนวน 7 ตำรวจรุมทำร้ายผิดตัว ส่ง ป.ป.ช.ให้พิจารณาคดีภายใน 30 วัน

เร่งทำสำนวน 7 ตำรวจรุมทำร้ายผิดตัว ส่ง ป.ป.ช.ให้พิจารณาคดีภายใน 30 วัน

วันจันทร์ ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 15.36 น.
Tag : ปล่อยตัวชั่วคราว ตำรวจจราจร รุมทำร้าย อดีตลูกตำรวจ
  •  

วันที่ 9 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00 น. ความคืบหน้ากรณีตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรได้ตั้งด่านตรวจบริเวณริมถนนประเสริฐมนูกิจ ได้รุมทำร้ายร่างกายประชาชน หลังเข้าใจผิดว่าแหกด่านจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. เวลาประมาณ 01.40 น. ว่า ในวันนี้ทางตำรวจที่ทำคดีได้ทยอยเดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีที่ 7 ตำรวจ ที่รุมกระทืบผู้เสียหายที่เป็นลูกนายตำรวจ โดยได้ประชุมที่ห้องประชุม ศปก.สน.บางเขน ชั้น 2 มีพ.ต.อ.ธิติพงศ์ ภิวัฒน์วุฒิกุล รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (รอง ผบก.น.2) เป็นประธานการประชุม

พ.ต.อ.ธิติพงศ์ กล่าวภายหลังการประชุมนาน 2 ชั่วโมง ว่า ตั้งแต่รับแจ้งเหตุวันที่ 4 ธ.ค.67 เวลาประมาณ 05.00 น โดยเหตุเกิดตั้งแต่เวลา 01.40 น. พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานโดยได้สอบสวนปากคำพ่อแม่และน้องสาวของผู้บาดเจ็บประกอบสำนวนเรียบร้อยแล้ว จากนั้นตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ทำการไล่กล้องวงจรปิดซึ่งเป็นกล้องของกรุงเทพมหานคร ได้มีการไล่กล้องวงจรปิดตั้งแต่วันแรกในบริเวณจุดที่มีการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ซึ่งได้ภาพเรียบร้อยแล้วว่ามีการตั้งด่านจริง และมีรถได้ขับติดตามไปจริง ส่วนจุดเกิดเหตุตำรวจบางเขนได้ค้นหาแล้วแต่ไม่พบจนกระทั่งวันที่ 5 ธันวาคม 2567 ตำรวจ สน.บางเขน ได้ประสานไปยังน้องสาวและพ่อของผู้บาดเจ็บให้มาชี้จุดเกิดเหตุและหาภาพกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดีของพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้วเพื่อพิจารณาความผิดของผู้ต้องหา


พ.ต.อ.ธิติพงศ์ กล่าวว่า หลังจากนั้นได้มีการสอบสวน ผู้บาดเจ็บ ได้ให้การสอดคล้องกับกล้องวงจรปิดจากภาพข่าวพฤติกรรมของผู้ต้องหา ได้กระทำความผิดจึงได้เรียกตัว ผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย มาแจ้งข้อกล่าวหาเรียบร้อย ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหาย และข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ทางคณะกรรมการได้มีการประชุมการและมีการปรึกษาผู้บังคับบัญชา รวมถึงพนักงานอัยการว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหาที่กระทำการแบบนี้จะเข้าข่าย ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทำร้ายและการกระทำที่ทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ “พ.ร.บ.อุ้มหาย” หรือไม่ เมื่อพิจารณาแล้วเข้าข่าย ในความผิดตามมาตรา 6 เป็นเจ้าพนักงานทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหายหรือบาดเจ็บ หลังจากนี้จะทำหนังสือไปถึงอัยการ เพื่อมาร่วมทำการสอบสวนในประเด็นนี้ หากสอบสวนแล้วปรากฏว่าเป็นความผิด จะเรียกผู้ต้องหามาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม

พ.ต.อ.ธิติพงศ์ กล่าวว่า ส่วนผู้ขับขี่รถยนต์ที่แหกด่านแล้วหลบหนีไป เมื่อพิจารณาแล้วมีพฤติการณ์ตั้งแต่ตอนต้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตรวจสอบเบื้องต้นแล้วสงสัยว่าจะดื่มสุรามาในขณะขับรถจึงได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีแอลกอฮอล์ในร่างกาย จึงสั่งให้ผู้ขับขี่ ขับรถชิดซ้ายเพื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียดแต่ผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ตรวจจึงได้ขับรถหลบหนีและชนด่านก่อนหลบหนีไป พฤติการณ์การกระทำต่าง ๆ ของผู้ขับขี่ พิจารณาแล้วเป็นความผิดในข้อหาเมาสุราในขณะขับรถ, ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ที่ให้ขับรถชิดซ้ายแต่ไม่ดำเนินการ และข้อหาทำให้เสียทรัพย์ จะเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาในช่วงเย็นวันนี้ ซึ่งคาดว่าผู้ขับขี่จะให้การรับสารภาพ

พ.ต.อ.ธิติพงศ์ กล่าวว่า ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 7 ที่ได้กระทำความผิด จะส่งให้ ป.ป.ช.ก่อนเพื่อพิจารณา ว่าทาง ป.ป.ช.จะดำเนินการเองหรือจะคืนกลับมาให้ตำรวจดำเนินการสอบสวนต่อไป ทั้งนี้ในส่วนของตำรวจเมื่อได้รับแจ้งเหตุจะทำการสอบสวนให้เสร็จสิ้น ภายใน 30 วัน และส่งสำนวนให้กับทางป.ป.ช. ส่วนทาง ป.ป.ช.จะดำเนินการเร็วแค่ไหนไม่อาจก้าวล่วงได้

ส่วนมาตรการในการตั้งด่านหลังจากนี้มีนโยบายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีนโยบายอยู่แล้วให้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่มีหนังสือสั่งการเรียบร้อย หากเกิดความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่แล้วไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็จะมีความผิดทางวินัยอยู่แล้ว ส่วนความผิดที่เกิดขึ้นหากไปกระทบต่อประชาชน หรือได้รับความเสียหายก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอีกส่วนหนึ่ง

พ.ต.อ.ธิติพงศ์ กล่าวว่า หลังทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีหนังสือแจ้งไปยังต้นสังกัด ว่าตำรวจมีพฤติการณ์ อย่างไร เพื่อให้ยืนยันตัวบุคคล ว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดบ้าง และขอให้ส่งภาพถ่ายจากวีดีโอที่ติดอยู่ที่เสื้อ ของตำรวจมาประกอบสำนวนคดีด้วย ซึ่งทางกองบังคับการตำรวจจราจรรับทราบแล้ว ทั้งนี้ เบื้องต้นยังไม่ได้มีการส่งมา แต่ได้มีการประสานงานกันแล้วว่าจะมีการนำภาพกล้องมาส่งให้เรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม ภาพถ่ายจากกล้องวีดีโอที่ติดอยู่ที่เสื้อของตำรวจเป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งของพยานหลักฐาน แต่ยืนยันว่าพยานหลักฐานกล้องวงจรปิดและคำให้การของผู้เสียหายกับครอบครัวของผู้เสียหายครบถ้วนเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 7 นายแล้ว

ผู้สื่อข่าวจึงตั้งข้อสังเกตว่ากล้องตัวนี้อาจจะมีการบันทึกบทสนทนาได้ดีกว่ากล้องวงจรปิดหากยังไม่ได้พยานหลักฐานส่วนนี้ จะทำให้คดีคลาดเคลื่อนหรือไม่ พ.ต.อ.ธิติพงศ์ ยืนยันว่าไม่มีผลใดๆ เพราะทางตำรวจมีพยานหลักฐานด้านอื่นๆ ครบถ้วนแล้ว ทั้งนี้ไม่กังวลว่ากล้องจะมีปัญหาว่าเสีย เพราะกล้องดังกล่าวนั้นมีหรือไม่มีก็ไม่ใช่สาระสำคัญ ส่วนการเยียวยาผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บ และเกิดความเสียหายเบื้องต้นจะมีค่ารักษาพยาบาล ทั้งนี้ ได้มีการสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บไปแล้ว 2 ครั้งที่โรงพยาบาล หลังจากนี้หากผู้บาดเจ็บออกจากโรงพยาบาลแล้วจะรอสอบปากคำเพิ่มเติ่มอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะแจ้งสิทธิให้กับผู้เสียหายที่จะได้รับการเยียวยาจากภาครัฐ ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บหากจะมีการเรียกร้องค่าเสียหายก็ขึ้นอยู่กับผู้เสียหายว่าจะมีการเรียกร้องค่าเสียหายกับผู้กระทำความผิดทางแพ่งอย่างไร

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหา 7 ราย ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้วโดยผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธ โดยจะนำคำให้การอย่างละเอียดส่งมอบเป็นหนังสือภายใน 7 วัน และหลังจากนี้ได้มีการนัดหมายให้ผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย ได้เข้ามาพบกับทางพนักงานสอบสวนตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อมาสอบสวนปากคำเพิ่มเติม

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : โดนแล้ว! ผบก.จร.เซ็นคำสั่งให้ออกราชการ 7 ตร.จราจร ปมรุมกระทืบหนุ่มสาหัส

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • อัยการวัชรินทร์ เผยคืบหน้าคดี 7 ตร.จราจร ทำร้ายหนุ่มสาหัส เข้าข่ายผิด พรบ.อุ้มหายฯ อัยการวัชรินทร์ เผยคืบหน้าคดี 7 ตร.จราจร ทำร้ายหนุ่มสาหัส เข้าข่ายผิด พรบ.อุ้มหายฯ
  • ศาลปกครองฯ สั่งเพิกถอนใบสั่งค่าปรับจราจร 2 ฉบับ ชี้ไม่เปิดโอกาสให้โต้แย้ง\'ขัดรธน.\' ศาลปกครองฯ สั่งเพิกถอนใบสั่งค่าปรับจราจร 2 ฉบับ ชี้ไม่เปิดโอกาสให้โต้แย้ง'ขัดรธน.'
  • แจ้งข้อหาหนัก-ค้านประกันตัว ลุงเมาแล้วขับชนยับหน้า รร.ทำตำรวจดับ-เด็กเจ็บ แจ้งข้อหาหนัก-ค้านประกันตัว ลุงเมาแล้วขับชนยับหน้า รร.ทำตำรวจดับ-เด็กเจ็บ
  • สภ.เมืองนครราชสีมา โพสต์อาลัย \'ร.ต.ท.\'ถูกเก๋งพุ่งชน ขณะโบกรถหน้าโรงเรียน สภ.เมืองนครราชสีมา โพสต์อาลัย 'ร.ต.ท.'ถูกเก๋งพุ่งชน ขณะโบกรถหน้าโรงเรียน
  • ตร.พานักเรียนข้ามถนนเสียชีวิตแล้ว ผลตรวจคนขับแอลกอฮอล์พุ่ง ตร.พานักเรียนข้ามถนนเสียชีวิตแล้ว ผลตรวจคนขับแอลกอฮอล์พุ่ง
  • รถยนต์พุ่งชนกวาดนักเรียน-ตำรวจจราจร กำลังข้ามถนนเจ็บหลายราย รถยนต์พุ่งชนกวาดนักเรียน-ตำรวจจราจร กำลังข้ามถนนเจ็บหลายราย
  •  

Breaking News

เริ่มแล้ว!!! การแข่งขันเรือใบ Trat Regatta 2025 ระดับนานาชาติครั้งแรกในจังหวัดตราด

'โฆษก​ มท.'แจงแล้ว! ​ปมเรียก​สรรพนาม'คุณลูกค้า'แทน'คุณลุง​-​คุณป้า'

ด่วน!เปิดชื่อ 55 สว. เรียกรับทราบข้อหาปม'คดีฮั้ว' แบ่งเป็น 3 ลอต

ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติ'แพทยสภา'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved