27 ธ.ค. 2567 นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ว่า กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2567ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) กรณีร้องเรียนว่าพนักงานบริการในสถานบริการไม่ได้รับเงินเยียวยาผู้ประกันตน โดยไม่สามารถขอรับการเยียวยาได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านคุณสมบัติและลักษณะการทำงานที่ต้องมีการรับรองจากสมาคมหรือสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิง
จากการตรวจสอบกรณีดังกล่าวปรากฏว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อสถานบันเทิงและกลุ่มพนักงานบริการในกิจการดังกล่าว จึงดำเนินมาตรการช่วยเหลือเยียวยาชดเชยผู้ได้รับผลกระทบสำหรับกลุ่มแรงงานในสถานบันเทิงเป็นการเฉพาะตามโครงการเยียวยาผู้ประกันตนในกิจการสถานบันเทิงและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทำงานเกี่ยวกับสถานบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในอัตรา 5,000 บาทต่อคน เป็นระยะเวลา 1 เดือน
โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกันตนในกิจการสถานบันเทิงและผู้ประกอบอาชีพอิสระ ต้องได้รับการรับรองจากสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์หรือสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทยภายในระยะเวลาที่กำหนด และต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ก่อน ส่งผลให้พนักงานบริการในกิจการสถานบันเทิงที่ประกอบอาชีพอิสระ ไม่ได้รับการเยียวยาตามโครงการดังกล่าว อันส่งผลให้เกิดการเลือกปฏิบัติในการเข้าถึงการเยียวยาซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการรัฐทุกคนจะต้องได้รับบนพื้นฐานโอกาสที่เท่าเทียมกัน
“ด้วยเหตุนี้ กสม. จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะไปยัง ครม. ในกรณีที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยใดๆ เช่น โรคระบาด ให้ ครม. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการดำเนินโครงการช่วยเหลือเยียวยา ให้ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างทั่วถึง โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ” นายวสันต์ กล่าว
นายวสันต์ กล่าวต่อไปว่า กสม. ยังให้มอบหมายกระทรวงแรงงานศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาแรงงานในกิจการสถานบริการและจัดทำกฎหมายที่สอดคล้องกับสภาพการทำงานและการจ้างงาน เพื่อคุ้มครองแรงงานในกิจการดังกล่าวเป็นการเฉพาะในลักษณะเดียวกับกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในงานที่รับไปทำที่บ้าน พ.ศ.2547 และกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานเกษตรกรรม พ.ศ. 2557 รวมถึงให้ได้รับสิทธิและสวัสดิการด้านแรงงานและการประกันสังคมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ให้กระทรวงแรงงานกำหนดนโยบายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและสำนักงานประกันสังคมมีมาตรการควบคุม กำกับและติดตามให้สถานบริการที่มีลักษณะการจ้างงานพนักงานบริการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างครบถ้วน เพื่อให้พนักงานได้รับสิทธิและสวัสดิการด้านแรงงาน รวมถึงการประกันสังคม ส่วนคำถามจากสื่อมวลชนที่ว่า พนักงานบริการที่เกิดกรณีร้องเรียนและ กสม. ได้เข้าไปตรวจสอบนี้เป็นกลุ่มใดนั้น ก็คือเป็นกลุ่มผู้ขายบริการทางเพศ หรือ Sex Worker ที่ได้รับผลกระทบ
“เนื่องจากมีการพิจารณาว่าอาชีพนี้ยังไม่ได้รับการรับรองตามกฎหมาย ก็เลยทำให้เขาซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการโควิดไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาตามที่รัฐบาลได้มีโครงการ ส่วนเรื่องการขับเคลื่อนในเรื่องการแก้ไขกฎหมาย ทาง กสม. เองก็ร่วมกับภาคีเครือข่ายในการผลักดันเรื่องที่ให้มีการยกเลิก พ.ร.บ.ปรามการค้าประเวณี ปี 2539 (พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539) อยู่ อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง” นายวสันต์ ระบุ
นายวสันต์ ยังกล่าวอีกว่า ยังมีเรื่องการขับเคลื่อนให้มีกฎกระทรวงเพื่อคุ้มครองการทำงานของพนักงานบริการ เพราะแม้จะมีกฎหมายเกี่ยวกับสถานบริการ กำกับดูแลผู้บริหารจัดการและอาคารสถานที่ แต่เรื่องคนทำงานยังไม่ครอบคลุมถึง ส่วนคำถามว่าแล้วในกลุ่มนักร้อง-นักดนตรี มีปัญหาเข้าถึงมาตรการเยียวยาช่วงโควิดบ้างหรือไม่ จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีปัญหา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี