วันเสาร์ ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
แม่เหยื่อพลทหารยื่นฟ้องแพ่ง'กลาโหม' คดีพลหารถูกซ้อมทรมานจนเสียชีวิต

แม่เหยื่อพลทหารยื่นฟ้องแพ่ง'กลาโหม' คดีพลหารถูกซ้อมทรมานจนเสียชีวิต

วันพฤหัสบดี ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2568, 14.06 น.
Tag : แม่เหยื่อพลทหาร กลาโหม พลหารถูกซ้อม
  •  

แม่เหยื่อพลทหาร ถูกรุมซ้อมโหดดับ ยื่นฟ้องแพ่ง  ทบ.กลาโหม ปล่อยก๊วนทหารรุมทำร้ายลูกชายพลหทารจนตาน เผยพฤติการณ์สุดโหด ผ้าขาวม้าผูกร่างกับลูกกรงรุมซ้อมยันเช้า จับยืนตากแดดซ้ำ   เรียกค่าเสียหาย 4 ล้านเศษ

วันที่ 16 มกราคม 2568 ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายนิติธร แก้วโต หรือทนายเจมส์ ในฐานะคณะอนุกรรมการคดีสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ เดินทางมายื่นฟ้องในคดีที่ นางเรณู หมดราคี ในฐานะทายาทโดยชอบธรรมของนายยุทธกินันท์ บุญเนียม ผู้ตายเป็น โจทก์ฟ้อง กระทรวงกลาโหมและทหารจำนวน 13 นาย เป็นจำเลยที่ 1 -  13 ฐานละเมิดเรียกค่าเสียหาย 4,131,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี


โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 27 มีนาคม  60 พลทหารภูวเดช ธนายุทธภูมิ จำเลยที่ 3 ร่วมกับพวกจำเลยซึ่งเป็นทหารรวม 11 นาย ได้ร่วมกันละเมิดต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ของพลทหารยุทธกินันท์  โดยทำร้ายจนถึงขั้นเสียชีวิต โดยผู้ตายเป็นทหารกองประจำการรุ่นปี 2558 ผลัดที่ 1 กองร้อยมณฑลทหารบกที่ 45 ได้ถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ประจำทหารสารวัตร โดยผู้ตายถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมาะสม ดื้อดึง ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา จึงถูกส่งตัวกลับหน่วยต้นสังกัดเดิม พร้อมลงทัณฑ์ในข้อหากระทำผิดวินัยทหาร ถูกจำขังเป็นเวลา 15 วัน เมื่อถูกนำไปส่งที่เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 15 มีส.อ.สุรเชษฐ์ พรหมาศ จำเลยที่ 12 เป็นผู้คุมเรือนจำ ได้ทำการตรวจร่างกายพบว่าผู้ตายสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว แต่พบสารเสพติดในปัสสาวะ จึงนำตัวผู้ตายไปใส่เครื่องพันธนาการ (ตีตรวน) พร้อมรายงานให้ ร.ท.ฐิติกานต์ เวชสิทธิ์ จำเลยที่ 13 โดยสั่งให้ผู้ตายออกกำลังท่าลุกหมอบจำนวน 300 ครั้งวันละ 3 เวลา ซึ่งเป็นการทำโทษผู้ต้องขังใหม่

ต่อมาในวันเดียวกันเวลา 21.00 น.จำเลยที่ 4-11 นั่งดื่มสุราอยู่บริเวณม้านั่งหินอ่อนบริเวณเรือนจำกับจำเลยที่ 12-13 จนถึงเวลา 01.20 น.ของวันที่ 28 มีนาคม  60 ขณะผู้ตายนอนหลับอยู่หน้าห้องน้ำภายในห้องขัง จำเลยที่ 4, 5,7 และ 11 เดินเข้ามาปลุกให้ผู้ตายลุกขึ้น พร้อมกับปลุกผู้ต้องขังอีก 3 คน ได้แก่จำเลยที่ 8, 9 และ 10 ซึ่งเป็นพลทหารให้เข้ามาหาผู้ตาย โดยจำเลยที่ 5 สั่งให้จำเลยที่ 8,9,10 รุมทำร้ายผู้ตายนานถึง 5 นาที และยังสั่งให้ทั้ง3คนจับผู้ตายกดหัวให้ติดกับลูกกรงในห้องขังอยู่ในลักษณะที่ยืนกางแขน และใช้ผ้ามัดแขนให้ติดกับลูกกรงและสั่งให้ทั้งสามคนรุมทำร้ายผู้ตายนาน 4 นาที จากนั้น จำเลยที่ 4, 5 ,10 และ 11 ได้เข้ามารุมชกและใช้เท้าถีบผู้ตาย จากนั้นมีการสั่งให้รุมทำร้ายอีกหลายครั้ง ทำให้ผู้ตายมีอาการบาดเจ็บทุรนทุราย มีการใช้ถุงพลาสติกเจาะรูคลุมศรีษะผู้ตายนาน 1 นาที จนกระทั่งเวลา 02.01 น.จำเลยทั้งหมดจึงออกจากห้องขังปล่อยให้ผู้ตายนอนเปลือยกายอยู่บนพื้น อีก 20 นาทีต่อมา จำเลยทั้งหมดเดินวนกลับมาทำร้ายผู้ตายอีกรอบ เมื่อถึงเวลา 03.40 น.จำเลยที่ 8, 9 และ 10 ใช้ผ้าขาวม้าผูกข้อเท้ากับลูกกรงในลักษณะห้อยศรีษะลงมา และนำผ้าขนหนูชุบน้ำมาปิดหน้าผู้ตาย 

กระทั่งเวลา 06.00 น. ผู้ต้องขังทั้งหมดถูกเรียกจากอาคารนอนมารวมแถวเพื่อเช็คยอด พลทหารได้ช่วยกันปลดผู้ตายออกจากลูกกรง ตัดกางเกงที่พันตัวผู้ตายและช่วยกันพยุงออกมาจากเรือนนอน โดยสิบเวรได้สั่งให้ผู้ตายยืนตากแดดหน้าโรงอาหาร ผู้ตายมีร่องรอยฟกช้ำตามร่างกาย และแผลแตกบริเวณคิ้ว จนยืนไม่ไหวจึงนอนฟุบตรงพื้น เมื่อจำเลยที่ 13 เดินมาเห็นกลับสั่งให้ผู้ช่วยสิบเวรนำผู้ตายไปอาบน้ำและนำมาที่โต๊ะอาหารก่อนจะนำไม้ไผ่ตีผู้ตายจำนวน 2 ครั้งโดยไม่ส่งไปพบแพทย์แต่อย่างใด และระหว่างวันที่ 29-30 มีนาคม 60ผู้ตายยังถูกสั่งให้ไปนอนตากแดดทั้งที่ร่างกายรับไม่ไหว ต่อมาในวันที่ 31 มีนาคม 60ผู้ตายมีอาการศรีษะบวมและมีไข้สูง จำเลยที่ 13 จึงส่งผู้ตายไปยังรพ.วิภาวดี ก่อนที่แพทย์จะส่งตัวไปรักษาต่อที่รพ.สุราษฎร์ธานี และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยแพทย์นิติเวชมีความเห็นว่า ผู้ตายมีบาดแผลหลายแห่งทั้งบาดแผลฉีกขาดกระจายทั่วร่างกาย สาเหตุการเสียชีวิตมาจากอาการไตวาย ภาวะเลือดเป็นกรด และไตทำงานหนัก การกระทำของจำเลยที่ 3 - 13 เป็นการจงใจละเมิดให้ผู้ตายได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย และเสรีภาพ มีการนำผ้าขาวม้าผูกคอผู้ตายที่อยู่ในสภาพเปลือยกายจนขาดอากาศหายใจ เมื่อจำเลยที่ 13 ทราบเรื่องกลับไม่ส่งตัวไปรักษาเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

การกระทำของจำเลยที่ 3 -13 เป็นการละเมิดต่อผู้ตายให้ถึงแก่ความตายโดยทารุณและโหดร้าย

คดีนี้อัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 45 เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ถึง 13 ต่อมณฑลทหารบกที่ 45 โดยลงโทษจำเลยที่ 3, 4,5 และ 8 ในความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นโดยทรมานเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุกคนละ 6 ปี และลงโทษจำคุกจำเลยที่ 6,7, 9 และ 11 คนละ 8 ปี และจำเลยที่ 10 จำคุก 5 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 12 มีความผิดฐานขัดขืนละเลยมิกระทำตามข้อบังคับ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่นฯ จำคุก 6 ปี จำเลยที่ 13 มีความผิดฐานขัดขืนละเลยฯ ฐานเป็นเจ้าหน้าที่แต่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ฯ และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นฯ ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 13 รวม 3 ปี 

การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 3-13 นอกจากจะเป็นความผิดทางอาญาแล้วยังเป็นการละเมิดผู้ตายรวมถึงมารดาของผู้ตาย จำเลยที่ 3-13 ต้องร่วมกันชดใช้สินไหมทดแทนแก่โจทก์ โดยทั้งหมดอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 และ 2 จึงขอให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าทนทุกทรมานจากการทำร้ายร่างกาย 80,000 บาท ค่าปลงศพ 700,000 บาท ค่าขาดไร้อุปการะ เดือนละ 5,000 บาท คำนวณจนผู้ตายอายุ 60 ปี เป็นเงิน 2,280,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี นับตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องคิดเป็นเงิน 1,071,000 บาท รวมจำเลยทั้งหมดต้องชดใช้เป็นเงินทั้งสิ้น 4,131,000 บาท

โดยคดีนี้ โจทก์ยื่นฟ้องคดีแบบอนาถา ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำ หมายเลข พ 120/2568 นัดไต่สวนขอยกเว้นค่าทำเนียมศาลในวันที่ 28 มกราคม68 ในเวลา 09.00 น. และนัดชี้สองสถานในวันที่ 24 มีนาคม 68 เวลา 09.00 น.

ภายหลังนายนิติธรกล่าวว่า คดีนี้ศาลทหารมีคำพิพากษาในปี 2567 ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งหมด โดยไม่รอลงอาญาและปรับ วันนี้จึงมายื่นฟ้องค่าเสียหายทางแพ่ง เนื่องจากศาลทหารไม่สามารถฟ้องแพ่งเข้าไปพร้อมกันได้จึงต้องแยกฟ้องกับศาลแพ่ง โดยเพิ่มการฟ้องกระทรวงกลาโหมและกองทัพบกที่เป็นต้นสังกัดของจำเลยที่ 1 - 13 

นายนิติธรกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามารดาของผู้เสียชีวิตต้องอยู่อาศัยเพียงลำพังและขาดรายได้ ก่อนที่จะมายื่นเรื่องให้คณะอนุกรรมการคดีสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ ยื่นฟ้องเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งให้กับครอบครัว อีกทั้งมารดาของพลทหารยุทธกินันท์ ยังเรียกร้องความยุติธรรมมาโดยตลอด แต่คดีไม่คืบหน้าตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปี 2565 จึงมีข่าวบนหน้าสื่ออีกครั้งหนึ่ง ตนจึงอธิบายว่าเป็นกระบวนการทางศาลทหารที่สืบได้แค่ครั้งละ 1 ปาก ทำให้ล่าช้า จนกองทัพบกได้ออกมาอธิบายภายหลังว่าสาเหตุที่คดีนี้มีความล่าช้าเนื่องจากช่วงหนึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด 19 จึงเริ่มสืบพยานอีกครั้งในปี 2566 และในปี 2567 ศาลได้พิพากษาจำเลยทั้ง 11 คนกระทำความผิดซึ่งมีทั้งทหารกองประจำการและทหารนอกกองประจำการที่อยู่ภายในเรือนจำ ที่ทั้งหมดได้รุมทำร้ายพลทหาร ยุทธกินันท์ โดยอ้างว่ามีความผิดในข้อหาไม่เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา จึงรุมทำร้ายจนเสียชีวิตดังกล่าว.
 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ประณามโจรใต้! ก่อเหตุป่วน‘นราธิวาส-ปัตตานี’ช่วง‘รอมฎอน’เดือนศักดิ์สิทธิ์ ประณามโจรใต้! ก่อเหตุป่วน‘นราธิวาส-ปัตตานี’ช่วง‘รอมฎอน’เดือนศักดิ์สิทธิ์
  • \'กลาโหม\'แจงสร้างกำแพง 55 กม. กั้นพรมแดนไทย-กัมพูชา อยู่ระหว่าง รัฐบาลนำไปศึกษา 'กลาโหม'แจงสร้างกำแพง 55 กม. กั้นพรมแดนไทย-กัมพูชา อยู่ระหว่าง รัฐบาลนำไปศึกษา
  • ศาลเว้นค่าธรรมเนียมแม่ฟ้อง‘กลาโหม-ทบ.-ทหารสิบเวร’ ร่วมกันทำร้ายลูกชาย‘พลทหาร’ดับ ศาลเว้นค่าธรรมเนียมแม่ฟ้อง‘กลาโหม-ทบ.-ทหารสิบเวร’ ร่วมกันทำร้ายลูกชาย‘พลทหาร’ดับ
  • \'ทบ.\'โชว์ยอดสมัครทหารออนไลน์ 2.2 หมื่นกว่านาย เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว 'ทบ.'โชว์ยอดสมัครทหารออนไลน์ 2.2 หมื่นกว่านาย เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว
  • ‘ภูมิธรรม’กำชับ‘กกล.ป้องกันชายแดน’ สนับสนุน-ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติในเมียวดี ‘ภูมิธรรม’กำชับ‘กกล.ป้องกันชายแดน’ สนับสนุน-ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติในเมียวดี
  • ‘ภูมิธรรม’เผยคดี‘ดิไอคอน’ รับ‘บอสพอล’มาอบรมกำลังพลจริง ‘ภูมิธรรม’เผยคดี‘ดิไอคอน’ รับ‘บอสพอล’มาอบรมกำลังพลจริง
  •  

Breaking News

‘เครือข่ายเยาวชน’ยื่น 4 ข้อถึงนายกฯใน‘วันงดสูบบุหรี่โลก’ หวังเพิ่มโทษ-ฟันจนท.รับส่วย‘บุหรี่ไฟฟ้า’

‘สอวช.-นิด้า’เปิดตัวโครงการยกระดับ Pride Thailand ใช้วิจัยขับเคลื่อนเทศกาลไทยสู่สากล

'อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ'เตือน ไทยกำลังจะเข้าสู่สถานการณ์ 'กบต้ม'

ตร.แจ้ง 4 ข้อหาหนักเขยโหดยิงเมีย-พ่อตาดับ ยกเลิกทำแผนหวั่นถูกรุมประชาทัณฑ์

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved