‘23 มกรา’ทั่วไทย

878 อำเภอ/ 50 เขต

พร้อมจดทะเบียน

‘สมรสเท่าเทียม’

ฉลองกับทุกความรักพร้อมกันทั่วไทย ดีเดย์ 23 มกราคม “โฆษกมหาดไทย” ย้ำสำนักทะเบียนทั่วประเทศ 878 อำเภอ-50เขตกทม.พร้อมให้บริการจดทะเบียน‘สมรสเท่าเทียม

เมื่อวันที่ 22 มกราคม2568 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทย โฆษกกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า ในวันที่ 23 มกราคมนี้ จะนับเป็นวันประวัติศาสตร์สำคัญของการเปลี่ยนแปลงกฎหมายว่าด้วยการสมรส และครอบครัวของประเทศไทย ด้วยเป็นจุดเริ่มที่ พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่24)พ.ศ.2567 หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียม จะมีผลใช้บังคับ โดยตั้งแต่กฎหมายได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ได้มีข้อกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมการปกครองที่ดูแลงานงานทะเบียนครอบครัว การให้บริการจดทะเบียนสมรส ให้เตรียมความพร้อมและมีการติดตามการดำเนินการในด้านต่างๆ โดยต่อเนื่อง กระทั่งมีความพร้อมทุกด้าน สำหรับบริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมของสำนักทะเบียน 878 อำเภอใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ และ 50 เขตในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ 23 ม.ค.เป็นต้นไป

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า กรมการปกครองได้รายงานให้นายอนุทินทราบว่าขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมแล้วทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว (ฉบับที่ 4)พ.ศ.2568 เพื่อรองรับการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายใหม่ ก็ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา และจะมีผลบังคับ 23 มกราคม ทางด้านระบบมีการแก้ไขพร้อมทดสอบระบบทะเบียนสมรสและทะเบียนหย่าเรียบร้อยแล้วรวมทั้งจัดเตรียมผลิตแบบพิมพ์ใบสำคัญการสมรส (คร.3) และใบสำคัญการหย่า (คร.7) เพื่อรองรับการให้บริการที่เพิ่มขึ้น ส่วนที่สำคัญที่สุดคือบุคลากร กรมการปกครองได้อบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทะเบียนให้มีความรู้ทั้งด้านกฎหมาย การปรับกรอบความคิดให้พร้อมบริการประชาชนบนหลักความเสมอภาคและเท่าเทียม คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน

น.ส.ไตรศุลีกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ยังได้ส่งหนังสือซักซ้อมการปฏิบัติตามกฎหมายสมรสเท่าเทียมไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้นายทะเบียนทุกอำเภอและทุกเขต ศึกษาระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการจดทะเบียนสมรสให้เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย พร้อมกับให้ทุกเภอชี้แจงเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ในที่ประชุมประจำเดือนหัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อนำไปสู่การรับรู้ข้อกฎหมายของประชาชนในวงกว้าง และยังได้ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับบริการ จดทะเบียนสมรสระหว่างคนไทยกับคนต่างชาติ หรือกับบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ของนายทะเป็นในการรับจดทะเบียนสมรสของบุคคลเพศเดียวกันซึ่งเป็นมุสลิม ที่ต้องถือปฏิบัติตามแนวทางของสำนักจุฬาราชมนตรี

“ในวันที่ 23 มกราคม กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองจะมีกิจกรรม‘ตีฆ้องชัย ให้ทุกความรัก 878 อำเภอทั่วไทย’ที่ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ขณะที่อำเภอต่างๆ ทั่วประเทศก็จะมีกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ เพื่อเฉลิมฉลองให้กับทุกความรัก และในโอกาสเริ่มต้นที่สำคัญนี้ ท่านอนุทินได้ขอให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกๆ คนร่วมอำนวยความสะดวกและบริการประชาชนให้เต็มที่ ให้ความสำคัญกับเคารพสิทธิมนุษยชน และให้ภูมิใจที่กระทรวงมหาดไทยได้เป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในระดับนานาชาติ ในฐานะประเทศที่ยอมรับและเคารพสิทธิมนุษยชนสนับสนุนเพศที่หลากหลาย”น.ส.ไตรศุลี กล่าว

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม.ยืนยันความพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการจดทะเบียนสมรส ตามกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่จะเริ่มเปิดให้สามารถจดทะเบียนสมรสได้วันแรกในวันพรุ่งนี้ (23 ม.ค.68) ว่า กรุงเทพมหานครได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งในด้านระบบการให้บริการ ตลอดจนการอบรมเตรียมความพร้อมพนักงานงานทะเบียนไว้แล้วอย่างเต็มที่ ซึ่งในวันพรุ่งนี้กรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 สำนักงานเขต พร้อมแล้วที่จะเปิดให้บริการจดทะเบียนสมรสให้กับคนทุกกลุ่ม

ขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานครจะมีการศึกษาสิทธิ สวัสดิการต่างๆ และระเบียบต่างๆ สำหรับบุคลากรภายในของกรุงเทพมหานครให้สอดรับ และเท่าทันกับกฎหมายใหม่อย่างเท่าเทียมกัน อาทิ สิทธิค่ารักษาพยาบาล วันลา การเบิก และบุตร ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องคิดให้รอบคอบรัดกุม

บรรยายภาพ : นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้อนุญาตให้สภาฯร่วมประดับธงสีรุ้งภายในบริเวณรัฐสภาและจัดกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ โดยเชิญชวนให้ประชน พร้อมทั้งสส.ติดสติ๊กเกอร์ “หัวใจสีรุ้ง”เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองความสำเร็จที่รัฐสภาได้ร่วมกันดำเนินการ ในโอกาส วันที่ 23 มกราคม จะเป็นวันที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ ซึ่งสมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการผลักดันให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ รัฐสภาไทยจึงต้องการที่จะร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสสำคัญครั้งนี้ ที่รัฐสภา