สาวอุดรฯวัย 18 ปีร่ำไห้อยากกลับบ้าน หลังไปทำงานร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศกัมพูชา ผกก.นำตร.ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังมีหมายจับเจ้าตัวจากจ.น่าน ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ พบว่า เจ้าตัวมีหมายจับเปิดบัญชีม้า ร่ำไห้ให้ตร.ช่วยกลับบ้าน
วันนี้ (4 ก.พ.68) พ.ต.อ.รัฐพลชัย เพ็ญสงคราม ผกก.สภ.ไชยวาน พร้อมตร.ชุดสืบสวน เดินทางไปที่ยังหมู่ 10 ต.โพนสูง อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี เพื่อเดินทางไปพบกับนายบุญกอง อายุ 68 ปี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง หลังจากมีหมายศาลจากจ.น่าน ดำเนินคดีกับน.ส.บุษรา อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นหลานสาวของนายบุญกอง ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันนำด้วยสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน” โดยน.ส.โบ๊ทเปิดบัญชีม้าให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำให้มีหมายจับมาถึงที่บ้าน
เมื่อตร.ไปถึงพบกับนายบุญกอง บอกกับตร.ว่า หลานสาวไปทำงานที่ประเทศกัมพูชาจริง แต่ไม่ได้บอกตรงๆ ว่าไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บอกแต่เพียงว่าไปทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เคยกลับบ้านมาแล้วครั้งหนึ่ง จากนั้นก็กลับไปทำงานอีก ส่วนเงินเดือนหลานสาวไม่เคยบอกว่าได้เท่าไหร่ แต่ทราบว่าได้หมื่นกว่าบาท แต่ตอนนี้โทรมาหาตาตลอด บอกว่าอยากกลับบ้านเพราะมีหมายจับเรื่องบัญชีม้าและเงินเดือนที่ได้ถูกหักจนหมด เงินเดือนที่ได้ไม่เหลือเลย
ต่อมา ผกก.สภ.ไชยวานได้วีดีโอคอลไปหาน.ส.บุษรา บอกว่า ตอนนี้หนูอยู่ที่กัมพูชา ช่วยหนูด้วย ยอมรับหนูไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เงินเดือน 17,000 บาท แต่เงินเดือนหนูถูกหักหมด เป็นแบบนี้ทั้งเงินเดือนโดนหักและมีหมายจับบัญชีม้า ตอนนี้หนูอยากกลับบ้านแล้ว ช่วยหนูด้วย เขาบอกว่าต้องจ่ายเงินให้เกือบ 40,000 บาทถึงจะปล่อยตัวมา เจ้าตัวก็พูดไปร่ำไห้ตลอดเวลา ขณะที่ผกก.ก็แจ้งให้น.ส.บุษรากลับมาสู้คดี ส่วนจะออกมาแบบไหนจะแจ้งหน่วยเหนือให้ทราบและช่วยเหลืออีกที พร้อมกันนี้ ผกก.ได้ให้น.ส.บุษรา ปักหมุดที่อยู่ พบว่าอยู่ในประเทศกัมพูชาจริงๆ
พ.ต.อ.รัฐพลชัย เพ็ญสงคราม ผกก.สภไชยวาน เปิดเผยว่า ทางสภ.ไชยวาน ได้รับหมายจับ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดน่าน ที่ 11/2567 ลงวันที่ 3 ก.ย.2567 ให้จับ นางสาวบุษรา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน” จาก อำเภอไชยวาน จึงออกไปตรวจสอบบ้านเลขที่ดังกล่าว ได้สอบถามนายบุญกอง มลัยโย เป็นเจ้าของบ้าน บอกว่าเป็น น.ส.บุษราฯ เป็นหลานสาว เป็นลูกของลูกสาวซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว และบอกว่า น.ส.บุษราฯ บุดสักใส ไปทำงานที่ในเมืองอุดรธานีแค่นั้น พร้อมได้โทรศัพท์ แมสเซนเจอร์ เฟสบุค ไปหา น.ส.บุษราฯ ว่าอยู่ที่ไหนตอนนี้ น.ส.บุษราฯ ตอบว่า บอกไม่ได้ นายบุญกองฯ มีอาการตกใจ เพราะว่า น.ส. บอกว่า ได้ไปสมัครใจไปทำงาน อยู่ในห้อง รับโทรศัพท์ โดยมีค่าจ้าง แต่ไม่ได้ตามที่ตกลงไว้ หักค่ามาทำงานสาย จึงเหลือเงินไม่พอ และให้นายบุญกอง ส่งเงินไปให้ตลอดและอยากกลับ แต่ต้องถามจำนวนเงินกับนายจ้างก่อน และบอกวิธีส่งเงินและจำนวนอีกครั้ง โดยช่วงที่วีดีโอคอล เจ้าตัวร้องไห้ตลอดเวลา บอกว่าอยากกลับบ้านและไม่อยากติดคุก จะได้รายงานหน่วยเหนือหาทางช่วยต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี