DSI ตรวจ 8 จุด

เส้นทางเดินเรือ

ใช้เครื่องสแกน

คลี่คดี‘แตงโม’

ดีเอสไอลงเรือ ออกตรวจ 8 จุดแม่น้ำเจ้าพระยา คลี่ปมคดีการเสียชีวิต “แตงโม-นิดา” ใช้เครื่องสแกน 3 มิติ โดรน-โซนาร์ จำลองเหตุ ตั้งแต่แรกจนเสียชีวิต ด้าน‘อ.ปานเทพ-อัจฉริยะ’ชี้คดีนี้ยังไม่จบ แฉมีเครือข่ายเชื่อมโยงค้ามนุษย์ เร่งตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ แตงโม หาหลักฐานมัด

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา หรือนิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม อดีตดาราสาวชื่อดังที่พลัดตกเรือสปีดโบ้ท ร่างจมแม่น้ำเจ้าพระยา เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565ว่า พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะผู้รับผิดชอบการสืบสวนคดีการเสียชีวิตของดาราสาวรายดังกล่าว พร้อมด้วยนายไกรศรี สว่างศรี ผอ.ส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ลงพื้นที่นำเรือออกสำรวจแม่น้ำเจ้าพระยา ตามเส้นทางของเรือลำเกิดเหตุ

นายไกรศรีกล่าวว่า การสำรวจครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างแบบจำลองภูมิประเทศของพื้นที่เกิดเหตุทั้งหมด 8 จุด โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ เครื่องเลเซอร์สแกนนิ่ง และโดรนถ่ายภาพทางอากาศ เพื่อบันทึกเส้นทางเดินเรือ สร้างแผนภาพทางอากาศแบบ 3 มิติ นอกจากนี้ ยังมีการใช้เรือสำรวจใต้น้ำด้วยระบบโซนาร์ เพื่อเก็บข้อมูลใต้แม่น้ำ ตั้งแต่ร้านอาหารบ้านตานิด จ.ปทุมธานี ไปจนถึงสะพานพระราม 8 เพื่อตรวจสอบกระแสน้ำ สำหรับข้อมูลที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้รวมถึงเส้นทางเดินเรือ พิกัด GPSตำแหน่งโทรศัพท์ และกล้องวงจรปิด โดยจะถูกนำมาประมวลผลเป็นภาพ 3 มิติ เพื่อสร้างความชัดเจนในการสืบสวน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่บริเวณหน้าวัดค้างคาว เรือได้แล่นย้อนกลับมา มุ่งหน้าทิศเหนือ มาจอดเทียบท่าบริเวณวัด โดยจุดนี้นายไกรศรี พร้อมคณะได้นำเครื่องเลเซอร์สแกนนิ่ง ทำการสแกนภูมิประเทศ โดยบริเวณที่ใช้เครื่องสแกน ได้ตรวจสอบโครงสร้างบริเวณประตูระบายน้ำ ใกล้เคียงวัด และนำมาประมวลผลประกอบเป็นภาพ 3 มิติ ก่อนนำไปประกอบกับข้อมูล GPS เรือ , สัญญาณโทรศัพท์ โดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ใช้เวลาบริเวณจุดนี้ประมาณ 30 นาที โดยพื้นที่สแกนหลักๆ มี 3 จุด คือบริเวณท่าเรือวัดค้างคาว , ประตูระบายน้ำ และตลอดเส้นทางเดินเรียบแม่น้ำเจ้าพระยา

นอกจากนี้ ทางกรมชลประทานและกรมเจ้าท่าได้ใช้เครื่องโซนาร์สแกน ตลอดลำน้ำเจ้าพระยา เพื่อนำข้อมูลใต้น้ำ มาประกอบการสืบสวน ทำให้ภาพรวมของเหตุการณ์มีความละเอียด และการตรวจสอบครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญของการค้นหาความจริงเกี่ยวกับเส้นทางเรือและจุดตกน้ำของแตงโม ประกอบพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้คลี่คลายคดี

ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต นายเอกราช นามโภคิน และ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ ได้ลงพื้นที่สำรวจภายในวัดค้างคาว และบริเวณโดยรอบ ซึ่งมี 2 จุดสำคัญที่ได้รับความสนใจ ได้แก่ บริเวณบันไดเทียบเรือ ซึ่งคาดว่าอาจเป็นจุดจอดเรือลำเกิดเหตุ ช่วงเวลา 02.00 น.วันเกิดเหตุ และประตูน้ำซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่เจ้าหน้าที่นำเครื่องเลเซอร์สแกนนิ่ง ตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลพยาน

นายปานเทพ เปิดเผยว่าจุดเทียบเรือนี้ สามารถใช้เป็นทางเดินไปยังวัดค้างคาว และประตูน้ำได้ ข้อมูล GPS ของเรือลำเกิดเหตุ ระบุว่า เรือลอยลำอยู่บริเวณนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งอาจเป็นจุดขึ้น-ลงเรือของบุคคลในคืนนั้น และตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า หากแตงโมไม่ได้ตกเรือกลางแม่น้ำ จุดนี้อาจเป็นจุดที่มีกิจกรรมบางอย่างเกิดขึ้น เช่น การนำเรือเข้ามาล้าง หรือเหตุการณ์อื่นที่ต้องตรวจสอบต่อไป อย่างไรก็ตาม ทุกข้อสันนิษฐาน จะต้องได้รับการพิสูจน์จากหลักฐานและพยานที่ชัดเจน

วันเดียวกัน ที่บ้านเรือเล็ก จ.นนทบุรี นายปานเทพ พร้อมด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แถลงยืนยันว่า ข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือที่กู้คืนได้ สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และยังต้องตรวจสอบว่าเป็นเครื่องเดียวกับที่ส่งให้ตำรวจหรือไม่ โดยนายอัจฉริยะ กล่าวว่า หลักฐานที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของแตงโม ส่งไปยังบังแจ็ค ที่สหรัฐอเมริกา อาจมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง และพบว่าผู้เขียนที่อยู่บนกล่องไม่ใช่นางภนิดา นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบโทรศัพท์มือถือที่ตำรวจคืนให้นางภนิดา ว่าเป็นเครื่องเดิมหรือไม่ โดยผลตรวจดีเอ็นเอ จะออกมาภายในสัปดาห์นี้

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า จุดสำคัญคือบริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 92 และท่าทราย ซึ่งอาจเป็นที่ทำลายหลักฐาน โดยเชื่อว่าแตงโม ไม่ได้ตกเรือตามคำฟ้อง และสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องกับแผนนี้ รวมถึงอาจเชื่อมโยงถึงเครือข่ายยาเสพติด เว็บพนัน รถหรู และการค้ามนุษย์

ขณะที่นายปานเทพ กล่าวเสริมว่า การจำลองเหตุการณ์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ช่วยตรวจสอบลำดับเหตุการณ์ได้อย่างละเอียด พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องเลือกว่าจะเป็นพยานหรือจำเลย โดยเริ่มมีหลายคนต้องการให้ข้อมูลเพิ่มเติม และจะเปิดเผยความคืบหน้าในเรื่องนี้ทุกวันอังคารและศุกร์