รัชกาลที่ 5 บรมราชาภิเษกครั้งที่ 2
วันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมาเป็นวันคล้ายวันพิราลัยของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในรัชกาลที่ 5 อาทิตย์นี้ขอตามภูมิคุณูปการแห่งการเป็นมหาบุรุษรัตโนดมของแผ่นดิน ซึ่งเป็นต้นแบบของบุคคลสำคัญที่หาได้ยากยิ่ง สมเด็จเจ้าพระยาฯ เป็นบุตรชายคนใหญ่ของสมเด็จเจ้าพระยามหาประยูรวงศ์ (ดิศ) กับท่านผู้หญิงจันทร์ เกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2351 เมื่อเจริญวัยแล้วบิดาซึ่งขณะนั้นเป็นพระยาพระคลัง นำไปถวายตัวเป็นมหาดเล็กในรัชกาลที่ 2 ได้ช่วยงานด้านพระคลังและกรมท่าอยู่กับบิดา
ต่อมาในรัชกาลที่ 3 ได้รับราชการมีความชอบมากโดยเฉพาะเรื่องการค้าขายกับต่างประเทศและต่อเรือรบกับเรือหลวงออกค้าขายจนมีรายได้เก็บเป็นเงินถุงแดง มีความชอบได้เลื่อนบรรดาศักดิ์ตามลำดับ เป็นนายไชยขรรค์ หลวงสิทธิ์นายเวร จมื่นไวยวรนาถภักดีศรีสุริยวงศ์ และเป็นพระยาศรีสุริยวงศ์ในตอนปลายรัชกาลที่ 3 ที่มีรับสั่งไว้ว่า “การภายหน้าก็เห็นแต่เองที่จะรับราชการเป็นอธิบดีผู้ใหญ่ต่อไป การศึกสงครามข้างญวน ข้างพม่าก็เห็นจะไม่มีแล้ว จะมีอยู่ก็แต่ข้างพวกฝรั่งให้ระวังให้ดีอย่าให้เสียทีแก่เขาได้”
ในสมัยรัชกาลที่ 4 ท่าน ได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ สมุหกลาโหม ด้วยเหตุที่เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์นั้นเป็นผู้ฝักใฝ่สนใจศึกษาศิลปวิทยาของตะวันตกอย่างมากจากการที่ท่านกับบิดาดูแลกรมท่าและชาวต่างชาตินั้นทำให้ท่านมีความรู้ด้านภาษาจนเจรจาความได้เป็นอย่างดีและได้ช่วยเหลือสนับสนุนพวกมิชชันนารีที่เข้ามาตั้งแต่รัชกาลที่ 3 นั้น เผยแพร่วิทยาการและเทคโนโลยีจากตะวันตก จึงทำให้ท่านมีความรู้ก้าวหน้าเป็น “พวกหัวสมัยใหม่” คนหนึ่งในสมัยนั้น เมื่อครั้งเซอร์จอห์นเบาว์ริงเข้ามาทำสนธิสัญญาเบาว์ริงกับไทยในสมัยรัชกาลที่ 4เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ได้เป็นข้าหลวง 1 ใน 5 คนที่รัชกาลที่ 5 ทรงแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาข้อสัญญากับเซอร์จอห์น เบาว์ริง ทำการทำสนธิสัญญาสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี
เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์
ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์
สมุหกลาโหม
และท่านได้เป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการทำสนธิสัญญาลักษณะเดียวกันกับนานาประเทศ อีกทั้งเป็นแม่กองการขุดคลองและสร้างถนนอาคารหลายแห่ง ในตอนปลายรัชกาลที่ 4 เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นวังหน้าหรือพระมหาอุปราชสวรรคตนั้นรัชกาลที่ 4 ไม่ได้ทรงตั้งผู้หนึ่งผู้ใดขึ้นแทน ครั้นเมื่อรัชกาลที่ 4 สวรรคตใน พ.ศ.2411 นั้น ที่ประชุมเสนาบดีและพระบรมวงศานุวงศ์ ได้อัญเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ พระชนมายุเพียง 15 ชันษา ขึ้นเสวยราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และมีมติเอกฉันท์ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินจนกว่าบรรลุนิติภาวะ จึงสถาปนากรมหมื่นบวรวิชัยชาญ พระโอรสองค์ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลแทน
เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง)
แม้จะมีผู้คัดค้านว่าตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ควรให้เป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ตาม นับเป็นครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร์ที่มีผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเป็นผู้ใช้อำนาจแทน จึงทำให้มีผู้หวั่นเกรงว่าอาจมีการชิงราชสมบัติดังคราวพระยากลาโหมกระทำในสมัยอยุธยา แต่ด้วยความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรีที่มีมาแต่ต้นดังกล่าว เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ได้บริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และมองการณ์ไกลดังปรากฏในการจัดให้รัชกาลที่ 5 ทรงได้รับการฝึกหัดการเป็นพระมหากษัตริย์ตามโบราณราชประเพณี และทรงเรียนรู้ศิลปวิทยาการสมัยใหม่ควบคู่ไปด้วย
เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ กับคณะทูตรัสเซีย
นอกจากนั้นยังจัดให้รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสสิงคโปร์และชวาใน พ.ศ.2431 อินเดียและพม่า ในพ.ศ.2415 เพื่อทอดพระเนตรแบบแผนการปกครอง ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเจริญของประเทศที่อยู่ในความปกครองของตะวันตก และรัชกาลที่ 5 ทรงนำแบบอย่างที่เหมาะสมมาปรับปรุงประเทศให้เจริญก้าวหน้าในเวลาต่อมา
พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท สร้างยอดปราสาทตามสมเด็จฯ แนะนำ
เรือสำเภาหลวงที่ต่อออกค้าขายใน รัชกาลที่ 3
เมื่อรัชกาลที่ 5 ทรงบรรลุนิติภาวะใน พ.ศ. 2416 ได้มีพิธีบรมราชาภิเษกเป็นครั้งที่ 2 โดยคืนอำนาจให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปกครองแผ่นดินต่อไปนั้น รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์เป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ แม้ว่าสมเด็จเจ้าพระยาฯ พ้นจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแล้ว ท่านยังทำหน้าที่ที่ปรึกษาราชการแผ่นดินจนถึงแก่พิราลัยในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ.2425 รวมอายุได้ 74 ปี นับเป็นบุคคลต้นแบบของการเป็น “มหาบุรุษรัตโนดม” ผู้มีคุณูปการต่อแผ่นดินจนหาผู้ใดเทียบได้และเป็นผู้สนองพระราชกิจถึงสี่แผ่นดินให้ประเทศเจริญก้าวหน้ามาจนวันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี