"ชวนหลิง จาง"ผู้ต้องหาคดีนอมินี"ไชน่าเรลเวย์" ยันตัวเองเป็นผู้แทนของรัฐวิสาหกิจของจีนมาลงทุนในไทย ยอมรับรู้จัก"บินลิง วู"แต่มีสถานะเป็นคนนอกเท่านั้น ด้านชุดสอบสวนฯ DSI เปิดชื่อ"ตัวละครลับ" เผยเป็นเสาหลัก"ไชน่าเรลเวย์"

จากกรณีวันที่ 19 เมษายน 2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ , พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และ พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม.ได้ร่วมกันแถลงจับกุมตัว นายชวนหลิง จาง (Mr.Chuanling Zhang) สัญชาติจีน กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด

โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายใต้การอำนวยการของ นายวิทวัส สุคันธรส ผอ.ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว นำโดย นายวุฒิไกร ศรีธวัช ณ อยุธยา ผอ.ส่วนสะกดรอยและการข่าว และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้จับกุมตัว นายชวนหลิง จาง ในฐานะส่วนตัวและฐานะผู้แทนนิติบุคคล ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2389/2568 ลงวันที่ 18 เม.ย.68 คดีพิเศษที่ 32/2568 ในข้อหาเป็นคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจซึ่งต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบกิจการ หรือต้องได้รับอนุญาตก่อน และเป็นนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 โดยจับกุมได้ที่ย่านรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ นั้น

ล่าสุดวันนี้ (20 เม.ย.) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าว (ดีเอสไอ) เข้าจับกุมตัว นายชวนหลิง จาง เมื่อวานนี้ (19 เม.ย.) ได้สอบสวนปากคำเบื้องต้น นายจางได้ให้การปฏิเสธทุกข้อหา คือ ข้อหาเป็นคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจซึ่งต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบกิจการ หรือต้องได้รับอนุญาตก่อน และเป็นนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ดีเอสไอยังอยู่ระหว่างการสอบสวนปากคำต่อเนื่อง เพราะล่ามของนายจาง ซึ่งมีสถานะเป็นทนายความด้วยนั้น อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับประเด็นพฤติการณ์แห่งคดีมาชี้แจงต่อดีเอสไอ โดย นายจาง ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ให้ใครมาถือหุ้นแทน นอกจากนี้ ตนเองเป็นผู้แทนรัฐวิสาหกิจของประเทศจีน ลักษณะเป็นนักลงทุนของประเทศจีนมาลงทุนในไทยในนามรัฐบาลจีน เป็นแค่ฝ่ายบริหารที่ถูกส่งมาให้บริหารบริษัทในไทยเท่านั้น

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผยต่อว่า ตอนนี้นายจาง ยังไม่ได้มีการยื่นประกันตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวนแต่อย่างใด แม้ว่าตามหลักการแล้วเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะยื่นขอประกันตัวในชั้นสอบสวนและในชั้นศาลได้ ซึ่งในชั้นนี้ พนักงานสอบสวนมีอำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาเพียง 48 ชั่วโมง ดังนั้น เมื่อการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ จึงจำเป็นต้องนำตัวนายจาง เตรียมฝากขังศาลอาญาในวันพรุ่งนี้ (21 เม.ย.) และสำหรับความผิดในคดีนอมินีนั้น พนักงานสอบสวนสามารถยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลได้ 48 วัน หรือ 4 ผัด

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผยอีกว่า สำหรับกรณีของ นายบินลิง วู ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้รับงานก่อสร้างและผู้เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ และมีพยานหลักฐานเบื้องต้นน่าเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด นั้น ทาง นายชวนหลิง จาง ให้การยอมรับว่า รู้จักกับ นายบินลิง วู แต่บอกว่าสถานะความแตกต่างกัน เพราะ นายบินลิง วู เหมือนคนนอกมากกว่า เนื่องจากไม่ใช่คนของรัฐบาลจีน หรือรัฐวิสาหกิจของจีน ซึ่งแตกต่างจาก นายชวนหลิง จาง ที่เป็นผู้แทนของรัฐวิสาหกิจของจีนให้มาลงทุนในไทย

อีกทั้งกรณีของ นายบินลิง วู ตามรายงานการสอบสวนของดีเอสไอ พบว่า มีการเข้าไปถือหุ้นในหลายบริษัท อาทิ 1.บริษัท วีล มาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (เป็นผู้ถือหุ้น) 2.บริษัท เอวาน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (เป็นผู้ถือหุ้น) 3.บริษัท สันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (เป็นทั้งกรรมการและผู้ถือหุ้น) 4.บริษัท เอสทีพี อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด (เป็นผู้ถือหุ้น) ซึ่งบริษัทเหล่านี้ล้วนใช้คนไทยกลุ่มเดียวกันไปนั่งเป็นกรรมการในบริษัท คือ นายประจวบ ศิริเขตร และ นายมานัส ศรีอนันท์ ดังนั้น แม้ว่าจะยังไม่พบว่า นายบินลิง วู จะเกี่ยวข้องกับบริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ โดยตรง แต่ก็พบความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องของ 3 คนไทย (นายประจวบ ศิริเขตร , นายมานัส ศรีอนันท์ และนายโสภณ มีชัย) ที่ไปนั่งเป็นกรรมการบริษัทในที่ต่างๆ จึงต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานให้เป็นที่ประจักษ์ก่อนว่าบุคคลดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดหรือไม่ อย่างไร

นอกจากนี้ ยังมีรายงานการสอบสวนของดีเอสไอ ปรากฏด้วยว่า กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด คนแรกไม่ใช่ นายชวนหลิง จาง แต่คือ "นายตง เซี่ย"

- 006