ตำรวจทลายแก๊ง ‘กระบะตู้ทึบเครือข่ายภาคอีสาน’ ขนยาไอซ์น้ำหนักรวมกันประมาณ 270 กิโลกรัม เตรียมส่งเข้าพื้นที่ภาคกลาง
วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา , พ.ต.อ.ภูมิธัช โฆษิตวนิชพงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา, พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.ด, พ.ต.อ.วิศิษฎ์ มะอักษร รอง ผบก.สส.ภ.ด, พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.๑ และ พ.ต.อ.พีรพัสส์ชูช่วย ผกก.สืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกันแถลงข่าวจับขบวนการกระบะตู้ทึบขนยาเสพติดจากภาคอีสานเข้าสู่ภาคกลาง
พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 สืบเนื่องมาจาก วันที่ 24 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้อย ได้รับแจ้งอุบัติเหตุ รถยนต์กระบะแครี่บอย ยี่ห้อนิสสัน นาวาร่า พุ่งชนแบริเออร์ บริเวณจุดกลับรถ ถ.พหลโยธิน ขาออก กม.72 ต.ชะแมบ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ ไม่พบผู้ขับขี่ หรือผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ได้ตรวจพบ ยาไอซ์ บรรจุอยู่ในถุงกระสอบ 9 ถุง น้ำหนักรวมกันประมาณ 270 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้อย ได้สืบสวนขยายผลหาตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และได้ทราบว่า นาย พงษ์ธร เป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว
จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขอให้ศาลออกหมายจับ ซึ่งต่อมาสามารถ ติดตามจับกุมตัว นาย พงษ์ธรฯ ได้ที่ จ.ระยอง ตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงวันที่ 28 มีนาคม 2568 ข้อหา “ ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย”
จากนั้น ผู้บังคับบัญชา ได้สั่งการให้ชุดขยายผลฯ ศอ.ปส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินการสืบสวนขยายผลหาเครือข่ายยาเสพติดที่มีส่วนร่วมในการลำเลียงยาไอซ์ดังกล่าวเพิ่มเติม จนกระทั่งสืบทราบว่า รถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน นาวาร่า นั้น ได้รับยาเสพติดต่อมาจาก รถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ จำนวน 3 คัน ที่มีการขับขี่ติดตามกันไปรับยาไอซ์มาจากภาคอีสาน มาส่งให้กับรถยนต์กระบะแครี่บอย ยี่ห้อนิสสัน นาวาร่า ที่บริเวณริม ถ.พหลโยธิน ขาเข้า ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฝ้า ติดตามพฤติกรรมของรถยนต์กระบะตู้ทีบ ทั้ง 3 คันดังกล่าวเรื่อยมา
กระทั่งในวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตรวจสอบพบว่า รถยนต์กระบะตู้ทีบ ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ จำนวน 2 คัน ขับขี่ติดตามกันมุ่งหน้าไปทางภาคอีสาน และในวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 ได้ขับขี่จากภาค อีสาน มุ่งหน้าเข้าสู่ภาคกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า รถยนต์กระบะตู้ทึบทั้ง 2 คัน นั้นขับขี่ติดตามกันไปรับยาเสพ เพื่อมาส่งให้แก่ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง จึงได้เดินทางไปตรวจสอบติดตาม
จนกระทั่ง ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 22.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบ รถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีขาว ทะเบียนจังหวัดระยอง ซึ่งเชื่อว่ามียาเสพติดอยู่ภายในรถ จอดเติมน้ำมันอยู่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ถ.มิตรภาพ ขาเข้า ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปแสดงตัว และตรวจค้นรถยนต์กระบะตู้ทึบคันดังกล่าว ผลการตรวจคัน พบ นาย ณัฐพล หรือนัทฯ เป็นผู้ขับขี่ และพบยาไอซ์ บรรจุอยู่ในถุงกระสอบ จำนวน ถุง 7 น้ำหนักรวมกันประมาณ 200 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในตู้ทึบของรถยนต์คันดังกล่าว
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับขี่ติดตามรถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีเทา ซึ่งมีพฤติการณ์ขับนำรถยนต์คันที่ลำเลียงยาเสพติดดังกล่าว และสามารถจับกุม นายอุดม ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะตู้ทืบ ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีเทา ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งจอดอยู่ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ถ.พหลโยธิน ขาเข้า ต.ห้วยขมิ้น ต.หนองแค จ.สระบุรี ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาทั้งสองรายตรวจพบว่า มีการ ติดต่อกันในลักษณะการเฝ้าระวังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งกันให้ทราบว่าขับขี่ถึงบริเวณจุดใดแล้ว
การปฏิบัติการในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา รวมทั้งสิ้น 2 ราย ซึ่งมีการแบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมทั้งได้มีตรวจยึดทรัพย์สินจากผู้ต้องหา ประกอบด้วยโทรศัพท์มือถือ และ ยานพาหนะ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จะได้มีการขยายผลอย่างต่อเนื่องไปสู่การจับกุมผู้ร่วมขบวนการรายอื่นมารับโทษตามกฎหมายต่อไป ///-026
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี