"น้าแพน"ลั่น! เชื่อมีคนยุยงเบื้องหลังพ่อ-น้องชายปมมรดกเงินบริจาค 4.8 ล้าน "ทนายไพศาล" ลุยช่วยคดี
จากกรณีเงินบริจาค 4.8 ล้านบาทของน้องแพน สาวป่วยมะเร็งปากที่เสียชีวิตไปแล้ว กลายเป็นข้อพิพาท เมื่อพ่อน้องแพนให้น้องชายของแพนยื่นฟ้องศาลขอเป็นผู้จัดการมรดก ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีการตกลงกันไว้แล้ว ล่าสุดน้าสาวของน้องแพนเชื่อมั่นว่า เรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากพ่อและน้องชายโดยตรง แต่มีบุคคลที่สาม "คอยเสี้ยม" อยู่เบื้องหลัง ขณะที่ "ทนายไพศาล เรื่องฤทธิ์" ได้เข้าช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแล้ว
วันนี้ (10 พ.ค.68) นางสมจิตร อายุ 47 ปี น้าสาวของน้องแพน เปิดเผยหลังจากเดินทางไปออกรายการต่างๆ ว่า ตอนนี้สบายใจขึ้นมากที่ทราบความจริงว่า พินัยกรรมฉบับแรกนั้นสมบูรณ์ถูกต้อง และเพิ่งทราบว่าพ่อน้องแพนไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร จึงต้องใช้ชื่อนายวิชิต น้องชายของแพนเป็นผู้จัดการมรดก
นางสมจิตรยังกล่าวถึงนายวิชิตว่า มีศักดิ์เป็นหลานและเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในสมัยที่อยู่ในสถานพินิจ โดยตนเองและยายเป็นคนไปเยี่ยม ส่วนพ่อของนายวิชิตนั้นไม่ได้สนใจดูแล
สำหรับปมปัญหาเงินบริจาค น้าสาวของน้องแพนเชื่อว่า เรื่องที่บานปลายจนถึงขั้นมีการฟ้องร้องนั้น ไม่ได้เกิดจากพ่อและนายวิชิตโดยลำพัง แต่มีคนคอยยุยง บอกให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน
ด้านการต่อสู้คดีในชั้นศาล ทนายไพศาล เรื่องฤทธิ์ ได้เดินทางมาพบกับน้าและยายน้องแพน เพื่อเซ็นเอกสารแต่งตั้งทนายความ โดยทนายไพศาลกล่าวว่า ได้รับมอบอำนาจเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เพื่อใช้สิทธิ์ทางกฎหมายต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป
หลังจากนั้น ทนายไพศาลได้พา นางแจ๋ว อายุ 80 ปี ยายน้องแพน ไปแจ้งความที่ สภ.บ้านค่าย กรณีถูกบุกรุกบ้านและลักทรัพย์ โดยแจ้งความผู้ก่อเหตุในข้อหาบุกรุกและลักทรัพย์ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ต่อเมื่อเวลา 15.00 น. หลังจากทนายไพศาล พายายของน้องแพน ไปแจ้งความที่ สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง กับบุคคลที่เกี่ยวข้องในวันที่เข้ามาขนของที่บ้านแล้ว พ.ต.ต.วิทยา กุลบุญ สว.(สอบสวน) สภ.บ้านค่าย เจ้าของคดีได้ลงพื้นที่บ้านหลังดังกล่าวทันทีเพื่อเก็บหลักฐานสอบสวนดำเนินคดีตามที่ยายของน้องแพนมาแจ้งความ ขณะลงพื้นที่ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่าก่อนจะมีการขนของนายวิชิต มีการถอดเมมโมรี่การ์ดของกล้องวงจรไปเพื่อปกปิดหลักฐานขณะพากันมาขนของลักทรัพย์ไปจากบ้านยาย
ทนายไพศาล กล่าวเพิ่มเติมว่าพึ่งรู้ว่ามีการถอดเมมโมรี่กล้องวงจรปิดไปด้วย ตรงนี้ชัดเลยว่ามีการเตรียมการซึ่งตำรวจจะดำเนินคดีทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี