ตำรวจกว่า 100 นาย เร่งปูพรมล่ากลุ่มคนร้ายก่อเหตุยิงก่อนเผานั่งยาง 3 ศพกลางร่องสวนปาล์มน้ำมัน ชิงรถ-มือถือหลบหนี ก่อนพบโครงกระดูกมนุษย์ถูกฆ่าเผานั่งยางมาแล้ว 2-3 สัปดาห์อีก 1 ศพ คาดเป็นฝีมือคนร้ายกลุ่มเดียวกัน เบื้องต้นตั้งปมขัดแย้งผลประโยชน์เรื่องจัดเก็บปาล์มน้ำมัน

จากกรณีเกิดเหตุการณ์มีกลุ่มคนร้ายคาดว่าไม่ต่ำ 4-5 คน คาดว่ารู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายสุรเชษฐ์ หรือโกเชษฐ์ อายุ 69 ปี อยู่หมู่ 6 ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ , นายอนันต์ อายุ 49 ปี อยู่หมู่ 6 ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช และนายวีระยุทธ อายุ 41 ปี อยู่หมู่ 7 ต.หนองบัว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ซึ่งทั้ง 2 รายเป็นลูกน้องของโกเชษฐ์ ก่อนจะนำร่างของทั้งหมดไปเผานั่งยางในร่องคูน้ำภายในสวนปาล์มน้ำมัน พื้นที่หมู่ 1 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง พร้อมนำรถยนต์ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นไททัน และโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิตไปด้วย ก่อนจะมีคนไปพบและแจ้งเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา อีกทั้งยังไปพบโครงกระดูกพร้อมร่างมนุษย์บางส่วนถูกเผานั่งยางและฝังดินอยู่ในสวนปาล์มน้ำมันห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 200 เมตร คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3 สัปดาห์ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เผานั่งยาง 3 ศพ! คนงานสวนปาล์มตรัง พบอีก 1 ศพถูกฝังดิน)

ความคืบหน้าทางคดีวันนี้ (12 พ.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่พบเบาะแสผู้ต้องสงสัย 1 รายแล้ว โดยพบว่าผู้ต้องสงสัยรู้จักกับนายสุรเชษฐ์ หรือโกเชษฐ์ และทำธุรกิจคล้ายคลึงกัน แต่จนถึงขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการขอศาลอนุมัติออกหมายจับบุคคลใด

ขณะที่กำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจากกองปราบปราม (บก.ป.) ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.9 ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ตรัง ชุดสืบสวน สภ.สิเกา และที่เกี่ยวข้องร่วม 100 นาย ปูพรมออกติดตามตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมทั้งแสวงหาพยานหลักฐานทั้งหมด ทั้งกล้องวงจรปิดเส้นทางหลบหนีของคนร้าย ที่อาจจะเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มของคนร้าย

ทั้งนี้ช่วงใกล้ค่ำของวานนี้ (11 พ.ค.68) ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบร้านจำหน่ายล้อรถยนต์ ซึ่งอยู่ในรัศมีใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ ริมถนนสายตรัง-สิเกา แต่อาจไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนร้าย เพียงแต่สันนิษฐานไว้ว่าอาจจะเป็นแหล่งที่กลุ่มคนร้ายจะมาซื้อหรือนำเอายางล้อรถยนต์ไปก่อเหตุดังกล่าวขึ้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดในส่วนนี้ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกบุคคลใกล้ชิด และคนในครอบครัว มาสอบปากคำแล้วจำนวนกว่า 10 ปาก พร้อมประสานให้ญาติผู้เสียชีวิตเข้ามาตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันกับตัวบุคคลที่เสียชีวิต

ด้านเพื่อนสนิท กล่าวว่า โกเชษฐ์เป็นคนดี เป็นคนที่สังคมรักและยอมรับ เดิมเป็นคน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช แต่ย้ายมาอยู่ใน อ.ทรายขาว จ.กระบี่ ซึ่งโกเชษฐ์เข้ามาเป็นผู้จัดการมาดูแลสวนปาล์มแห่งนี้เป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว

ส่วนนายเกษม อายุ 60 ปี เพื่อนร่วมงาน กล่าวว่า โกเชษฐ์เป็นคนอัธยาศัยดี เป็นผู้จัดการสวนปาล์มน้ำมันของทีมนาบอน โดยทำงานให้กับบริษัทในนามทีมนาบอน ดูแลสวนปาล์มรวมทั้งหมดที่ดูแลหลักหลายพันไร่ โดยจะเป็นผู้ดูแล นำคนงานมาตัดหญ้าและใส่ปุ๋ยให้ทั้งหมด อีกทั้งโกเชษฐ์ เป็นกรรมการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนร่วมกับตน ซึ่งตนร่วมงานกับโกเชษฐ์มากว่า 10 ปีแล้ว นิสัยส่วนตัวของโกเชษฐ์เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม และเป็นคนที่จริงใจ

นายเกษม กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุทราบว่าโกเชษฐ์ได้รับแจ้งว่ามีคนเข้ามาตัดไม้ภายในสวนปาล์มที่ดูแลอยู่ จึงนำลูกน้องมาดู จนตนมาทราบข่าวจากทีมงานว่าโกเชษฐ์ถูกฆ่าเผานั่งยางช่วงเวลาหัวรุ่ง 05.30 น. วานนี้ (11 พ.ค.68) ส่วนคนงาน 2 คนที่ถูกฆ่าเผานั่งยางด้วยนั้น เป็นคนงานที่ประจำอยู่ในบริษัท ในส่วนของสาเหตุต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบให้ละเอียด ที่ผ่านมาเท่าที่ทราบโกเชษฐ์ไม่เคยมีปัญหาหรือขัดแย้งกับใครมาก่อน ตอนนี้คนในพื้นที่ก็ขวัญผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคนร้ายก่อเหตุอุกอาจ ซึ่งปัญหาที่มีการลักขโมยปาล์มน้ำมันนั้นมีมาก จนต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐให้เข้ามาแก้ปัญหาการลักปาล์ม

ส่วนนายมานิตย์ ท่าจีน นายอำเภอสิเกา กล่าวว่า ช่วงก่อนหน้านี้ในพื้นที่ ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ได้รับเรื่องการขโมยผลปาล์มน้ำมัน จึงได้ดำเนินการป้องปรามร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมประสานกับพื้นที่รับซื้อปาล์มน้ำมัน สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลงตรวจพื้นที่ บางส่วนก็แก้ปัญหาไปแล้ว จนประมาณ 1 เดือนกว่าๆที่ผ่านมาเรื่องปัญหานี้ก็เงียบไป ส่วนการคัดกรองคนเข้าออกพื้นที่นั้นก็ได้สั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้รายงานข้อมูล

เบื้องต้นแนวทางการสอบสวนในประเด็นฆ่าเผานั่งยางจำนวน 3 ศพนั้น น่าจะมุ่งไปในประเด็นขัดแย้งผลประโยชน์ในเรื่องของการจัดเก็บปาล์มน้ำมัน ส่วนโครงกระดูกและร่างมนุษย์บางส่วนที่ถูกพบเพิ่มเติมหลังถูกฆาตกรรมมาแล้วประมาณ 2-3 สัปดาห์ น่าจะไม่มีความเชื่อมโยงกันกับเหตุการณ์นี้ แต่บุคคลที่ก่อเหตุอาจจะเป็นกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากมีพฤติการณ์ที่คล้ายกัน โดย พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 จะได้เดินทางมาประชุมติดตามคดีที่ สภ.สิเกา อีกครั้ง 

-005