รองผู้ว่าฯกทม.ย้ำทุกเขตเร่งประเมินจุดการค้าเกณฑ์ใหม่ จะผ่อนผันหรือยกเลิกต้องเสร็จในก.ย.นี้

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่-แผงลอยบนทางเท้า ว่า ภายหลังมีประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขาย หรือจำหน่ายสินค้าบนถนนหรือสถานสาธารณะ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 ฝ่ายเทศกิจของสำนักงานเขตได้ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการค้าบนทางเท้าแต่ละจุด เพื่อให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์ดังกล่าว โดยหลังจากผู้ค้าปฏิบัติตามหลักเกณฑ์กำหนดแล้ว กทม.ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการประเมินจุดทำการค้า 3 ชุด ประกอบด้วย 1. คณะกรรมการของสำนักงานเขตซึ่งมีผู้ค้าร่วมด้วย ทำหน้าที่ประเมินร่วมกัน 2. คณะกรรมการของสำนักเทศกิจ และ 3. ผู้ตรวจการของกรุงเทพมหานคร เมื่อจุดการค้าใดผ่านการประเมินจากคณะกรรมการทั้ง 3 ชุดแล้ว จึงจะสามารถกำหนดให้เป็นจุดการค้าอย่างเป็นทางการได้ ปัจจุบันมีพื้นที่ทำการค้าทั้งหมด 380 จุด มีผู้ค้า 13,626 ราย ผ่านการประเมินแล้ว 125 จุด ไม่ผ่านเกณฑ์ 7 จุด อยู่ระหว่างประเมิน 248 จุด โดย กทม.กำหนดให้การประเมินจุดการค้าทั้งหมดเสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายน 2568

นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบผู้ค้าตามจุดต่าง ๆ ของแต่ละเขต ผู้ค้าให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามเกณฑ์กำหนด โดยเฉพาะการเว้นทางเดินสำหรับประชาชนประมาณ 1.20 เมตร เช่น ซอยสาธุประดิษฐ์ 19 เขตยานนาวา หน้าวัดธรรมาภิรตาราม (วัดสะพานสูง) เขตดุสิต เป็นต้น ทั้งนี้ มีบางจุดที่ไม่สามารถกำหนดให้เป็นจุดการค้าได้ เช่น ถนนพระสุเมรุ ถนนพระอาทิตย์ เขตพระนคร ถนนลาดปลาเค้า เขตลาดพร้าว และเคหะฉลองกรุงโซน 2 เขตหนองจอก เป็นต้น ปัญหาส่วนใหญ่เนื่องจากผู้ค้าไม่สามารถปฏิบัติตามเกณฑ์ได้ อย่างไรก็ตาม กทม.ได้ประสานกับผู้ค้าที่ผ่านเกณฑ์ทุกจุด เพื่อให้ผู้ค้าที่ไม่ผ่านเกณฑ์สามารถเข้าไปทำการค้าร่วมกันได้ โดยสำนักงานเขตจะเป็นผู้จัดหาสถานที่การค้าและดำเนินการเรื่องนี้

“การจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าจะสำเร็จได้นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้บริหารกรุงเทพมหานคร แต่ขึ้นอยู่กับหัวหน้าฝ่ายเทศกิจทั้ง 50 สำนักงานเขต ในการบริหารจัดการให้เป็นไปตามนโยบายของผู้บริหารกรุงเทพมหานคร เพื่อความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยในพื้นที่ คืนทางเท้าให้ประชาชนใช้ในการเดินทางสัญจร เจ้าหน้าที่เทศกิจควรมีความสามารถในการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ การจัดระเบียบพื้นที่ได้มากหรือน้อยเพียงใด เกิดความสำเร็จหรือไม่สำเร็จนั้น ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่เทศกิจทั้งสิ้น ขณะเดียวกันหากไม่ดำเนินการแบบจริงจัง ไม่มีการตรวจประเมินติดตามงานในพื้นที่ การมีผลประโยชน์แอบแฝง การมีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้ค้า รวมถึงการไม่เข้าใจในหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าปี 67 ส่งผลทำให้งานไม่สำเร็จตามวัตถุประสงค์ เจ้าหน้าที่เทศกิจทุกสำนักงานเขต ต้องดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อกำหนดพื้นที่ให้เป็นจุดผ่อนผันหรือยกเลิกพื้นที่ทำการค้าให้แล้วเสร็จตามแผนในเดือนกันยายน 2568“ รองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์กล่าว

036