นิด้าโพลชี้ปชช.พอใจผลงาน 3 ปี “ชัชชาติ” คะแนนเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน ทุกด้าน ทั้งน้ำท่วม จัดระเบียบทางเท้า “ดัชนีการเมือง” ดิ่ง “สวนดุสิตโพล” ชี้สะท้อนคนไทย “หมดหวัง-เบื่อหน่าย”
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2568 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “3 ปี ผู้ว่าฯชัชชาติ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15-21 พฤษภาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 50 เขต กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการทำงานในรอบ3ปีของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของคนกรุงเทพมหานครต่อการทำงานในรอบ3ปี ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ 1.การปรับปรุงและจัดระเบียบทางเท้า เช่น หาบเร่ แผงลอย การจอดยานพาหนะหรือตั้งร้านบนทางเท้า ตัวอย่าง ร้อยละ42.45 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ33.35 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 15.70 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ7.90 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 0.60 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล 2.การเพิ่มพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะ ตัวอย่าง ร้อยละ 42.50 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 30.85 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 17.30 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ7.60 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ1.75 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
3.การปรับปรุงทัศนียภาพ ถนน ตรอก ซอย ตัวอย่าง ร้อยละ43.65 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 26.95 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ20.00 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ8.95 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 0.45 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล 4.การแก้ไขปัญหาความสะอาด ขยะ ฝุ่นละออง น้ำเสีย ตัวอย่าง ร้อยละ 44.30 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมาร้อยละ 25.70 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 19.60 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 10.05 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 0.35 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล 5.การป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การติดไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด ระบบรักษาความปลอดภัย ตัวอย่าง ร้อยละ 43.20 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 25.25 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ21.30 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 8.60 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 1.65 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล 6.การส่งเสริมการท่องเที่ยวใน กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 42.90 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 24.25 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 17.80 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 8.35 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 6.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล 7.การสนับสนุนการกีฬาตัวอย่าง ร้อยละ 43.30 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.45 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 19.10 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 8.15 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 8.00 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
8.การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ตัวอย่าง ร้อยละ 37.05 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 26.40 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 21.20 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 15.10 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 0.25 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
9. การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า เรือ ตัวอย่าง ร้อยละ 42.70 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 20.90 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 20.30 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 8.65 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 7.45 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล 10. การแก้ไขปัญหาสุขภาพ/สาธารณสุข ตัวอย่าง ร้อยละ 41.45 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 23.70 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 19.50 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 9.70 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 5.65 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล 11.การปรับปรุงการให้บริการในหน่วยงานของ กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 42.30 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.45 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 19.30 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 13.00 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 3.95 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล 12.การจัดระเบียบการชุมนุม ตัวอย่าง ร้อยละ 40.75 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 20.35 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 18.55 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 13.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 7.05 ระบุว่า ไม่ดีเลย
13.การจัดระเบียบ คนเร่ร่อน คนจรจัด ขอทาน ตัวอย่าง ร้อยละ 37.95 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 29.30 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ16.90 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 12.75 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 3.10 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล 14.การพัฒนาการศึกษา แก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน ตัวอย่าง ร้อยละ 36.10 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 26.40 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.70 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 10.60 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ10.20 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล 15.การแก้ไขปัญหาจราจรและรถติด ตัวอย่าง ร้อยละ 38.75 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 29.95 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.60 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 13.60 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 1.10 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล 16.การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในหน่วยงานของ กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 27.90 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 27.00 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 24.15 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 12.45 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 8.50 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
17.การแก้ไขปัญหาปัญหาค่าครองชีพ/ปากท้อง ตัวอย่าง ร้อยละ 36.35 ระบุว่า ไม่ค่อยดี รองลงมา ร้อยละ26.75 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ24.05 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 8.00 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 4.85 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล ด้านความพึงพอใจของคนกรุงเทพมหานครต่อการทำงานในรอบ 3 ปี ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 46.85 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 27.10 ระบุว่า พอใจมาก ร้อยละ16.50 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ และร้อยละ 9.55 ระบุว่า ไม่พอใจเลย
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการเลือก ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหากวันนี้ เป็นวันเลือกตั้ง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ48.30 ระบุว่า เลือก รองลงมา ร้อยละ 32.90 ระบุว่า ไม่แน่ใจ ร้อยละ 18.65 ระบุว่า ไม่เลือก และร้อยละ0.15 ระบุว่า ไม่ตอบ
วันเดียวกัน “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนพฤษภาคม 2568” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,168 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 26-30 พฤษภาคม 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนพฤษภาคม 2568 เฉลี่ย 4.70 คะแนน ลดลงจากเดือนเมษายน 2568 ที่ได้ 4.82 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 5.29 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ สภาพเศรษฐกิจโดยภาพรวมและการแก้ปัญหาความยากจน เท่ากัน4.31 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 40.87 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 50.79 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ เร่งแก้ปัญหาท่องเที่ยว ฟื้นฟูความเชื่อมั่น ร้อยละ 37.55 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ตรวจสอบความไม่โปร่งใสของรัฐบาล ร้อยละ 48.62
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า คะแนนดัชนีการเมืองไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าคนไทยกำลัง “หมดหวัง” และ “เบื่อหน่าย” การเมืองไทยมากขึ้นทุกที ท่ามกลางกระแสข่าวฮั้ว สว.เสถียรภาพของพรรคร่วมระหว่างเพื่อไทยและภูมิใจไทยไปจนถึงการอภิปรายงบประมาณปี 2569 ที่หลายฝ่ายสงสัยว่าคุ้มค่า โปร่งใส ตอบโจทย์ปากท้องประชาชนหรือไม่ ทำให้คะแนนดัชนีด้านการบริหารประเทศตามนโยบายที่ประกาศไว้ การแก้ปัญหาต่างๆ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้คะแนนต่ำต่อเนื่องจนน่ากังวล
ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า คะแนนนิยมของรัฐบาลเริ่มลดลง เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับ 3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องมาจากนโยบายการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นได้ อีกทั้งนโยบายและโครงการของรัฐบาลที่พยายามผลักดันออกมา ประชาชนยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ความโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสังคม การที่รัฐบาลพยายามกุมอำนาจทางการเมืองแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วยการเล่มเกมทางการเมือง ในขณะเดียวกันก็มีความพยายามในการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลให้อยู่รอดจนครบเทอมนั้น ทำให้ผลงานการแก้ปัญหาของรัฐบาลไม่เป็นที่ประจักษ์และเข้าตาประชาชน ตรงกันข้ามกับฝ่ายค้านที่คะแนนนิยมโดยภาพรวมเมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลกลับดูดีมากกว่า ด้วยผลงานการติดตาม ตรวจสอบ นโยบายและโครงการต่างๆของรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐให้สาธารณชนได้รับทราบ ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการสร้างคะแนนนิยมให้กระเตื้องมากขึ้น ต้องพยายามขับเคลื่อนนโยบายและโครงการที่เกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชน ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และการปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชั่น ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี