เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ราชกิจจานุเบกษาได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายและมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไทย ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและอาศัยอยู่มานาน โดยมีผลบังคับใช้ให้ผู้มีสิทธ์ิมายื่นเรื่องได้ในอีก 30 วัน นั้น
ล่าสุด วันนี้ 4 มิ.ย. 2568 นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้เปิดรับลงทะเบียน การขอมีสถานะฯและขอมีสัญชาติไทย ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2567 ตั้งแต่วันนี้ 4 มิ.ย. 2568 เป็นต้นไป สำหรับผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถเดินทางไปลงทะเบียนได้ที่ หอประชุมอำเภอทองผาภูมิ เริ่มเวลา 08.30-16.30 น. หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 034-599018 ฝ่ายสถานะบุคคลและสัญชาติ สำนักทะเบียนอำเภอทองผาภูมิ และติดตามข่าวสารทาง Facebook ที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ
สำหรับผู้ที่มีสมาร์ทโฟน สามารถลงทะเบียนได้ด้วยตนเองโดยสแกน QR Code ตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย.เป็นต้นไป เฉพาะในวัน และเวลาราชการ เท่านั้น โดยอำเภอทองผาภูมิมีกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 22,426 ราย แยกเป็นการขอมีสถานะทางทะเบียน จำนวน 16,406 ราย และการขอมีสัญชาติไทย จำนวน 6,020 ราย
ผู้ที่ต้องการยื่นคำขอนั้น ควรศึกษาหลักเกณฑ์อย่างละเอียด และขอเตือนว่า ให้ระวังมิจฉาชีพ ที่อาจจะมาหลอกลวงท่านว่าสามารถช่วยเหลือในเรื่องการจองคิวหรือลัดคิวได้ หากใครแอบอ้างอย่าหลงชื่อโดยเด็ดขาด หากใครหลงเชื่ออาจจะทำให้เสียเงินและเสียเวลารวมถึงอาจเสียสิทธิ์ตามกรอบเวลาที่ ครม.กำหนดเอาไว้อีกด้วย
ด้าน นายสุรพงษ์ กองจันทึก เลขานุการคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายและมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไทย ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและอาศัยอยู่มานาน โดยมีผลบังคับใช้ให้ผู้มีสิทธ์ิมายื่นเรื่องได้ในอีก 30 วัน
โดยประกาศนี้ออกตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 29 ตุลาคม 2567 ที่เห็นชอบหลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นผู้เสนอ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 483,626 คน
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อกังวลของบุคคลจำนวนหนึ่ง ที่เป็นห่วงว่าจะเป็นการให้สัญชาติไทยแก่คนต่างด้าวและผู้อพยพลี้ภัยถึงเกือบห้าแสนคน และเป็นปัจจัยให้กลุ่มคนที่เข้าเมืองผิดกฎหมายต่างๆ ใช้โอกาสในการสวมมีสัญชาติไทย ทั้งเป็นปัจจัยดึงดูดให้คนหลั่งไหลเข้ามาสู่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
เมื่อดูรายละเอียดของมติคณะรัฐมนตรีแล้วพบว่า ไม่ได้เป็นการให้สัญชาติไทยกับคนต่างด้าวผู้ใดหรือกลุ่มใด กลุ่มเป้าหมายที่มีเป็นคนชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์เดิมที่มีสิทธิ์อยู่แล้ว โดยรัฐมีฐานข้อมูลคนเหล่านี้ออกบัตรมีเลขประจำตัว 13 หลัก ยืนยันตัวบุคคล และรัฐมีนโยบายให้มีถิ่นที่อยู่ถาวรหรือให้สัญชาติไปเนิ่นนานเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว แต่การดำเนินการยังไม่เสร็จสิ้นจนกลายเป็นกลุ่มตกค้าง จึงมีการออกหลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดกระบวนการให้รวดเร็วขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี