“กรมฝนหลวงและการบินเกษตร” เป็นหน่วยงานในสังกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2556 โดยยกฐานะขึ้นจากสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งปัจจุบัน นอกจากการทำฝนหลวงเพื่อตอบสนองความต้องการใช้น้ำของประชาชนโดยเฉพาะในภาคเกษตรแล้ว ยังเป็นหนึ่งกำลังสำคัญในการลดผลกระทบเมื่อประเทศไทยเข้าสู่ช่วงที่ปริมาณฝุ่น PM2.5 หนาแน่นด้วย ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ทีมงาน “นสพ.แนวหน้า” มีโอกาสได้พูดคุยกับ ราเชน ศิลปะรายะ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ถึงภารกิจสำคัญนี้
- ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าในช่วงนี้ของปีประเทศไทยจะมีทั้งสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 รวมถึงเป็นฤดูแล้ง ทางกรมฝนหลวงฯ ได้ดำเนินการอย่างไรบ้างเพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว? : เราเริ่มเปิดหน่วยปฏิบัติการบรรเทาฝุ่น ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. 2567 – 30 เม.ย. 2568 ซึ่งฝุ่นจะมาพร้อมกับลมตะวันออกเฉียงเหนือ จากประเทศเพื่อนบ้าน ประมาณเดือนธันวาคม – มกราคม เราก็วางแผนเจาะชั้นบรรยากาศ คือระบายฝุ่นก่อนเข้าพื้นที่ชั้นใน เราทำที่อุดรฯ โคราช แล้วก็สระบุรี แต่ก็ไม่หมด เข้ามาถึงกรุงเทพฯ
เราก็มาเจาะชั้นบรรยากาศเปิดพื้นที่เหนือกรุงเทพฯ เพื่อระบายฝุ่นออก แถวสมุทรสงคราม แถวพระราม 2 จากการทำมาค่าฝุ่นเราลดลงคิดกับค่าเฉลี่ยประมาณ 58% ลดได้จริง โดยเราตั้งหน่วยฐานใหญ่อยู่ทีหัวหิน (ประจวบตีรีขันธ์) กาญจนบุรี แล้วก็อู่ตะเภา (ระยอง) เพื่อมาสนับสนุนกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ส่วนภาคเหนือ (ฝุ่น) จะเริ่มเดือนมกราคม – เมษายน ปีนี้เราโชคดี มีความชื้นเพียงพอด้วยประกอบกับเราวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว จะเห็นว่าเชียงใหม่ปีนี้มีฝนด้วย แล้วค่าฝุ่นลด ดอยสุเทพเห็นได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้อากาศสะอาด นักท่องเที่ยวก็มาเยอะ ยอดจองโรงแรมเชียงใหม่ช่วงไฮซีซันส์ ช่วงสงกรานต์ 98%
- ภารกิจรับมือฝุ่น PM2.5 ที่ผ่านมากรมฝนหลวงฯ เจออุปสรรคอะไรบ้างหรือไม่? : แต่เดิมเราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาบินในเขตพื้นที่ชั้นใน ก็ได้ผู้บริหารระดับประเทศสั่งการ โดยกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งกรมฝนหลวงฯ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ วิทยุการบินอนุญาตให้เรา แต่เดิม 60 ไมล์ห้ามบินเข้ามา ทีนี้วิทยุการบินอนุญาตให้เราเข้า แต่ว่าก่อนจะทำทุกวันต้องขออนุญาต กำหนดเขต กำหนดพิกัด ก็ทำไปได้ด้วยดี ปัจจัยสำคัญก็คือน้ำแข็งแห้งที่เราจะใช้เจาะชั้นบรรยากาศ เพราะว่าขึ้นไปบางทีมันมีอุณหภูมิมากกว่าปกติขวางกั้น ทำให้ฝุ่นขึ้นไม่ได้ เราก็ไปเปิดช่องระบายอากาศนั้นออก
- ณ เวลานี้ (เดือน มิ.ย. 2568) ผ่านฤดูแล้งเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว แต่ในเพจเฟซบุ๊กของกรมฯ ยังรายงานปฏิบัติการเครื่องบินขึ้นทำฝนหลวงอยู่อย่างต่อเนื่อง แสดงว่ายังมีพื้นที่ที่ต้องการให้ไปช่วยทำอยู่? : ปีนี้ปริมาณฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 10% ในส่วนของอีสานตอนนี้ปริมาณน้ำเพียงพอ แต่พื้นที่ใต้เงาฝนแถวภาคกลาง ฝนไม่ค่อยตก แต่ว่ายังดีหน่อยที่มีระบบชลประทาน เราก็ไปทำในสวนนั้น แล้วก็ภาคเหนือหลายๆ ส่วน แต่ช่วงนี้ถือว่าฝนดี อีสานน้ำเยอะแล้วไหลลงเขื่อน แต่ลำตะคองยังน้อย ตอนนี้เราเติมน้ำให้เขื่อน เช่น เขื่อนลำตะคอง เขื่อนป่าสักฯ เขื่อนภูมิพล
- นอกจากการส่งฝูงบินขึ้นทำฝนหลวง ยังเห็นกรมฯ ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับเกษตรกรที่ร้องขอให้สนับสนุนการทำฝนหลวงด้วย เป็นอย่างไรบ้าง? : เรามีศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงอยู่อีสาน มีที่บุรีรัมย์ ขอนแก่น แล้วภาคเหนือมีอยู่ที่ตาก นครสวรรค์ พิษณุโลก ภาคใต้ตอนบนที่เพชรบุรี ตอนล่างที่สุราษฎร์ และภาคตะวันออกที่ระยอง เราให้นักวิทยาศาสตร์ของเรา เจ้าหน้าที่กรมฝนหลวงฯ ไปพบปะพูดคุย และเรามีอาสาสมัครฝนหลวงด้วย ช่วยเราดูในพื้นที่ที่ราษฎรมีความต้องการขอฝน
14 พ.ค. 2568 ราเชน ศิลปะรายะ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ลงพื้นที่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดอุดรธานี
- เห็นเมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย. 2568 เพจของกรมฯ แชร์ความเคลื่อนไหวของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก ที่มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปพุดคุยกับเกษตรกร อยากทราบว่าสถานการณ์ภาคตะวันออกตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? : แถวจันทบุรี ระยอง ปริมาณฝนมาก แต่เราได้ไปทำอยู่ที่สระแก้ว ในพื้นที่รอบๆ แถวนั้นยังมีความต้องการน้ำ
- ระยะหลังๆ ทั่วโลกเริ่มกังวลกับปัญหาความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ (Climate Change) ฤดูกาลคาดเดาได้ยากขึ้น ตรงนี้เป็นความท้าทายต่อภารกิจของกรมฝนหลวงฯ ด้วยหรือไม่? : ใช่ครับ! คือสภาพภูมิอากาศทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก จากพื้นที่ฝนตกหนักกลายเป็นไม่ตก จากพื้นที่ฝนไม่ตกกลายเป็นตกหนัก แล้วช่วงหลังๆ จะสังเกตเห็นว่าน้ำท่วม ที่เชียงราย แม่สาย แล้วก็ฝนตกพื้นที่ท้ายเขื่อน ตกหนักมาก
สภาพอากาศนี้กรมฝนหลวงฯ เราได้พิจารณาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แล้วประกอบกับตอนนี้ประเทศไทยโดยกรมฝนหลวงฯ เป็นเลขาฯ ถาวรของสมาชิกดัดแปรสภาพอากาศ มีสมาชิก 9 ประเทศ เราก็มอนิเตอร์ เอ็กซ์เรย์แล้วก็แปลกเปลี่ยนข้อมูลกับประเทศสมาชิก เราเป็นอันดับ 1 ในการดัดแปรสภาพอากาศ ซึ่งหลายประเทศมาดูงานกับเรา หลายประเทศเราก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปแนะนำ
- ทุกวันนี้เครื่องมืออุปกรณ์เราพร้อมเพียงใด รวมถึงหากมองไปในอนาคตอยากได้อะไรสนับสนุนเพิ่มเติมบ้างหรือไม่? : ถ้าทำเรื่องฝนวันนี้เรามีเครื่องมือใหม่ๆ เช่น เรามีจรวดที่พัฒนาร่วมกับกองทัพอากาศแล้วยิงขึ้นไปทำฝน เรามี UAV (โดรน) มีพลุสารดูดความชื้น ซึ่งติดไปในเครื่องบินแล้วไปทำ ตอนนี้เรากำลังวิจัยเครื่องพ่นสารจากพื้นสู่ก้อนเมฆ ตัวนี้ใช้ในที่ที่มีข้อจำกัดทางการบิน
เช่นที่เราติดตั้งปัจจุบันอยู่เหนือเขื่อนแม่กวง อ.ดอยสะเก็ด (เชียงใหม่) ซึ่งมีภูเขาล้อมรอบ เครื่องบินไม่สามารถบินได้สะดวก เราก็ใช้ตัวนี้เป็นการจุด โดยสารที่ใช้ก็คือสารที่ทำฝนหลวง พอขึ้นไปได้สักพักเมฆก็จะเข้ามาแล้วก็สามารถทำฝนให้ตกอยู่เหนือเขื่อน อีกจุดหนึ่งที่เราตั้งคือหนองบัวลำภู เพื่อเตรียมทำไว้สำหรับอ่างห้วยหลวง จ.อุดรธานี อันนี้กำลังขยายผลเข้าไป เดี๋ยวจะทำอยู่ที่เขื่อนลำตะคอง เหนือโรงไฟฟ้าสูบกลับ
ตอนนี้นักวิจัยกำลังวิจัย บางทีอาจไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องบินขึ้นไป เห็นอย่างประเทศจีนเขามีปืนใหญ่ยิงขึ้นไปทำนั่นทำนี่ อันนี้ก็ไม่เสี่ยง ตอนนี้เรากำลังวิจัยเรื่องทำอย่างไรที่เราจะลดค่าใช้จ่ายในด้านการบินแล้วก็ทำให้ฝนตก เรากำลังวิจัย MOU ร่วมกับประเทศจีน ใช้คลื่นเสียงส่งขึ้นไปดูแล้วว่าให้ฝน ตอนนี้เรากำลังทำอยู่ที่เขื่อนแก่งกระจาน เพชรบุรี กำลังวิจัยร่วมกัน ถ้าประสบความสำเร็จน่าจะขยายผลไปได้ แต่ทีนี้อยู่ในขั้นตอนการทดสอบ
“เครื่องบินทุกวันนี้ถามว่าพอไหม? เครื่องบินทั้งหมด 29 ลำกับช่วยเหลือประชาชนทั่วทั้งประเทศไทย ถ้าแยกออกเป็นหน่วย ได้หน่วยละ 2 – 3 ลำ ถามว่าพอไหม? ไม่พอ แต่เราก็จำเป็นต้องบริหารจัดการเครื่องมือเราให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน โดยเราไม่อยากของบประมาณซื้อเครื่องบินใหม่ ขอแค่งบฯ ซ่อมบำรุงมาให้เราซ่อมบำรุงดีๆ ทำเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพราะการซื้อเครื่องบินก็ใช้งบประมาณเยอะ ประเทศชาติเรายังต้องใช้ในสิ่งจำเป็นอื่นๆ ขอให้เราเอาเครื่องของเราที่มีอยู่ซ่อมบำรุงให้ถึงก็ได้ ทำภารกิจให้พี่น้องประชาชนและประเทศชาติดีกว่า”
16 พ.ค. 2568 ราเชน ศิลปะรายะ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจพื้นที่การเกษตรและอ่างเก็บน้ำบริเวณภาพตะวันออก
- ในฐานะที่ท่านเป็นแม่ทัพของกรมฝนหลวงฯ ท่านอยากเห็นกรมนี้มีภาพเป็นอย่างไร? : กรมฝนหลวงฯ เป็นกรมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงดำริให้จัดตั้งขึ้น วัตถุประสงค์ก็คือช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้านขาดแคลนน้ำ ดังนั้นกรมฝนหลวงวันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ประชาชนเดือดร้อนเราก็ไปสนับสนุน ไม่ใช่ทำฝนอย่างเดียว เช่น สถานการณ์น้ำท่วม เราก็ประสานกับภาคประชาสังคม เขามีของมาแจกเราก็เอาเครื่องของเราไปช่วย
ซึ่งในระหว่างนี้คือเราไม่ได้ใช้ เราก็ใช้เครื่องของเราไปบริการเพื่อส่งสิ่งของต่างๆ ที่พี่น้องประชาชนบริจาคให้ส่งไปถึงผู้ประสบภัย อย่างเช่นปีที่ผ่านมา เชียงรายน้ำท่วม ท่านเชื่อหรือไม่ว่าบนเขาราษฎรไม่ได้กินข้าว ดินสไลด์ 3 - 4 กิโลเมตร เดินเข้าไป 8 ชั่วโมง เราเอาเฮลิคอปเตอร์ส่งข้าวส่งน้ำไป บินไป – กลับ 5 – 10 นาที ได้กินข้าว
- เห็นหลายครั้งท่านขึ้นเครื่องบินไปกับทีมทำฝนหลวงด้วย อะไรทำให้ท่านต้องไปด้วยตนเองแบบนั้น? : ผมถือว่าให้ลูกน้องไปทำงาน ซึ่งอากาศยานมีความเสี่ยงอยู่แล้ว ทุกคนที่ใช้อากาศยานมีความเสี่ยงหมด ฉะนั้นผมใช้ลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาไป ผมถือว่าผมเป็นคนในครอบครัวฝนหลวง ผมก็ต้องขึ้นไปกับเขา ไปดูให้เห็นกับตาและไปให้กำลังใจด้วย อธิบดียังไม่กลัวแล้วลูกน้องจะกลัวทำไม แล้วไม่ใช่เฉพาะผมไป บางทีสื่อขอไปผมก็อนุญาตให้เขาไปด้วยกัน ไปดูภารกิจว่าเราทำจริงหรือไม่จริง ทำแล้วได้ผลไหม?
“ไม่เป็นภาระหนักนะ เป็นหน้าที่ที่จะต้องดูแลประชาชนของประเทศไทย เพราะว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงงานหนักมากมายกว่านี้ กรมของเราเป็นกรมที่ในหลวงตั้งขึ้น เราทำเพื่อสนองพระราชดำริแล้วก็ทำเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทย วันนี้ลูกน้องผม พวกนักบิน พวกช่างต่างๆ ตั้งแต่ 2 ธันวา (2567) ไม่ได้หยุด เสาร์ – อาทิตย์ก็ไม่มี ปีใหม่พี่น้องประชาชนไปเที่ยวสังสรรค์ สงกรานต์ไป แต่พวกผมอยู่บนท้องฟ้า ทำเพื่อให้พี่ร้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีน้ำใช้ เราไม่สามารถหยุดได้”
- หากประชาชนต้องการขอให้กรมฝนหลวงฯ ไปช่วยทำฝนหลวง สามารถติดต่อประสานได้ในช่องทาวไหนบ้าง? : ทางสะดวกที่สุด Facebook “กรมฝนหลวงและการบินเกษตร” ท่านคอมเมนต์ข้อความมาเลย หรือ Tiktok หรือ Line ผมมีเจ้าหน้าที่ดูตลอด ถ้าดูแล้วตรงนี้ส่วนใหญ่ขอเยอะๆ เรามีอาสาสมัครฝนหลวงและเจ้าหน้าที่ฝนหลวงไปดูในพื้นที่ ใช่ไหม? ถ้าใช่! ขออนุมัติมา 2 วันผมส่งเครื่องไปทำให้ทันที!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี