กทม. ผนึกกำลังตำรวจนครบาล-กรมการปกครอง “ช็อตโจรขโมยสายไฟ” เอาจริง ล่าแก๊งลอบขโมยทรัพย์สินสาธารณะ หลังพบมูลค่าความเสียหาย 37 ล้านบาท ภายใน 3 ปี
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.68 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้ารับฟังการประชุมแก้ไขปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างดับจากการลักลอบขโมยสายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ มีนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม ณ ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) โดยผู้ว่าฯได้ขอบคุณทุกหน่วยงานและเน้นย้ำให้ทุกหน่วยเดินหน้าป้องกันการลักลอบขโมยสายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้แจ้งเพื่อทราบถึงร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนแนวทางป้องกันการลักลอบขโมยสายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการโยธา (สนย.) รายงานสถิติแจ้งความดำเนินคดีการถูกลักขโมยสายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ปี 2566 มีจำนวน 13 เรื่อง มูลค่าความเสียหายกว่า 16 ล้านบาท ปี 2567 มีจำนวน 21 เรื่อง มูลค่าความเสียหายกว่า 9 ล้านบาท และ ปี 2568 มีจำนวน 12 เรื่อง มูลค่าความเสียหายกว่า 12 ล้านบาท สนย.ได้เสนอแนวทางในการป้องกันและแก้ไขการลักลอบขโมยสายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ อาทิ ออกแบบและเลือกใช้วัสดุแข็งแรงป้องกันการตัดและงัดแงะ จัดทำสัญลักษณ์ “กทม.” หรือข้อความ “สำนักการโยธา” บนสายไฟหรืออุปกรณ์ ใช้สายไฟแบบพิเศษ เปลี่ยนเป็นสายอลูมิเนียม หรือคำนวนออกแบบลดขนาดสาย ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับการลักลอบตัดสายไฟฟ้า ติดตั้งสายไฟใต้ดินในพื้นที่เสี่ยงเพื่อลดโอกาสการเข้าถึง ติดตั้งกล้องวงจรปิดในจุดที่การเกิดเหตุซ้ำ ๆ และล่อแหลม ประสานหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจนครบาล เพื่อสืบสวนจับกุมและดำเนินคดีผู้กระทำผิด กรมการปกครอง เพื่อตรวจสอบร้านรับซื้อของเก่าและการใช้กฎหมาย เป็นต้น
ในส่วนของการมอบหมายภารกิจหน่วยงานในสังกัดกทม. 1. ประชาสัมพันธ์ให้ร้านค้าของเก่าที่ได้รับใบอนุญาต ไม่รับซื้อของต้องห้าม/สายไฟฟ้าที่ต้องสงสัยว่าจะขโมยมา โดยแจ้งให้ทราบถึงโทษของการรับซื้อด้วย 2. ออกตรวจสอบร้านรับซื้อของเก่า โดยบูรณาการร่วมกับ สน.พื้นที่ และกรมการปกครอง เพื่อดำเนินการได้ครบวงจร โดยเฉพาะพื้นที่เขตหนองจอก เริ่มเดือน มิ.ย. 68 3. เผยแพร่ผลการจับกุมผู้ต้องหาขโมยสายไฟฟ้าที่สกายวอล์กบางกะปิ 4. จัดทำหนังสือถึงสถานีตำรวจ แจ้งเบอร์สายด่วน (Hotline) เพื่อใช้ประสานงานในการแจ้งข่าวการขโมยสายไฟฟ้า นอกเหนือจาก Line กลุ่มที่มีอยู่แล้ว 5. ตรวจสอบและเฝ้าระวังการถูกขโมยสายไฟฟ้า หากพบให้รีบแจ้ง 191 หรือ Traffy Fondue เพื่อตามจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป 6. ตรวจสอบเข้มงวดการขออนุญาตปักเสาพาดสายสื่อสาร และพัฒนาระบบการขออนุญาต ให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าทำงานในพื้นที่นั้นหรือไม่ เพื่อป้องกันการแอบอ้าง 7. วางแนวทางในการเข้มงวดตรวจสอบ รวมถึงขั้นตอนการปฏิบัติว่าต้องทำอย่างไร เพื่อให้ดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน และ 8. ประเด็นรางวัลนำจับ ให้ตรวจสอบว่าจะสามารถนำรางวัลนำจับมาจากส่วนใดได้บ้าง
สำหรับโทษโจรขโมยสายไฟ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี - 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท - 100,000 บาท และหากขโมยในเวลากลางคืน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี - 7 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท - 140,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335
ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางสาวดนุดา จิวจินดา ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสิทธิชัย อรัณยกานนท์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.อ.ธนาพันธ์ ผดุงการ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว นายพิพัฒน์ยชญ์ วัชฤทธิ์ ตำแหน่งผู้อำนวยการส่วนกำกับและตรวจสอบ สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ตลอดจนสำนักการโยธา สำนักการจราจรและขนส่ง สำนักการระบายน้ำ สำนักเทศกิจ สำนักอนามัย ผู้แทน 6 กลุ่มเขต สำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานประชาสัมพันธ์ และผู้เกี่ยวข้อง
037
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี