ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 พิพากษาคดี อดีตนายก อบต.-ผอ.คลังคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา ภายหลังจากถูก ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด ทุจริตในการเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา จำนวน 62,640 บาท
วันที่ 12 มิถุนายน 2568 เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นายยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน จากกรณีตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดว่าการกระทำของนายกิตติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ทุจริตในการเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงโครงการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาท้องถิ่น เป็นเงินทั้งสิ้น 62,640 บาท
โดยมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจ ในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1
และนางสาวบุญญดา ผู้อำนวยการกองคลัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
เกี่ยวกับคดีดังกล่าว ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 พิจารณาแล้ว จึงฟังได้ว่า มีการเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาไปใช้จ่ายในการจัดชื้ออาหารและสิ่งของอย่างอื่นโดยไม่ได้นำไปจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้แก่นักกีฬาจริง พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เฉพาะจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 อีกฐานหนึ่ง การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทและสำหรับจำเลยที่ 1 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 151 มีระวางโทษเท่ากัน ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 5 ปี ให้จำเลยทั้งสองร่วมกับจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อท 88/2566 ชำระเงินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เป็นเงิน 62,640 บาท แก่องค์การบริหารส่วนตำบลกันตังใต้ ผู้เสียหาย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
นายยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง กล่าวว่า จำเลยที่ 1 คือ นายกิตติ อดีตนายก อบต. ส่วนจำเลยที่ 2 คือ นางสาวบุญญดา ผู้อำนวยการกองคลัง ซึ่งเป็นคนยืมเงินในการจัดโครงการดังกล่าว ซึ่งรู้เห็นอยู่ในเหตุการณ์ว่ามีการรับรองเอกสารเป็นเท็จ ให้เซ็นอย่างเดียวแต่ไม่มีการเบี้ยจ้างค่าเบี้ยเลี้ยงให้กับทางนักกีฬา ส่วนทางนายกฯก็ไม่สามารถชี้แจงได้ ซึ่งก็เป็นอุทาหรณ์ในการจัดโครงการต่างๆ ของ อปท.ที่มีการถัวจ่ายต่างๆ ไม่ตรงกับหมวดหมู่ในเรื่องของงบประมาณต่างๆ บางครั้งถ้าเกิดอธิบายได้ ชี้แจงได้ ก็จะเป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่หากชี้แจงไม่ได้เลยว่าเงินจำนวนดังกล่าว จำนวน 62,640 บาท นำไปจ่ายอะไรบ้างศาลก็มีคำพิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญาดังกล่าว
อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าวทาง ป.ป.ช. ได้ออกมาเผยแพร่ มติชี้มูลความผิด เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ต่อมาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2564 นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง (ขณะนั้น) ได้ลงนามในคำสั่งจังหวัดตรัง ให้ นายกิตติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พ้นจากตำแหน่ง ภายหลังจากถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดแล้ว จนกระทั่งศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 พิพากษาคดี ในปี 2568 นี้ ซึ่งคดีดังกล่าวนี้ทาง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี