ประธานสภากทม. เผย 1 ปีนี้ เร่งผลักดันใช้เงินกองทุนชุมชน2แสน / ข้อบัญญัติผู้พิการ / ข้อบัญญัติสวัสดิภาพและสวัสดิการอาสาศูนย์เด็กเล็ก จี้แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 / เดินหน้า MOU สภาเมืองพี่น้อง ฮอนโนลูลู-มุมไบ-โรม ก่อนหมดวาระ

นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการทำงานอีก 1 ปีในวาระของสภากรุงเทพมหานคร ว่า อยากจะผลักดัน นโยบายต่างๆ ที่ยังค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงินกองทุนชุมชน 200,000 บาท ที่ทำแล้วติดขัดก็ได้เสนอทางฝ่ายบริหารไปแล้ว รวมถึงเรื่องข้อบัญญัติผู้พิการ ซึ่งสภากทม. ได้เสนอร่างข้อบัญญัติฯ ไปทางผู้ว่าฯกทม. แล้ว คาดว่าจะตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ ได้ในเดือนกรกฎาคมนี้ และ ร่างข้อบัญญัติสวัสดิภาพและสวัสดิการของอาสาสมัครศูนย์เด็กเล็กกทม. ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ส่วนภาพรวมจะผลักดันการบริหารจัดการปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่จะเกิดขึ้นทุกๆปี แต่ละปีจะทวีความรุนแรงขึ้น จะต้องมีการพูดคุยกันในทุกมิติ ที่ผ่านมาสภากทม. ได้รับคำเชิญจากสภากรุงลอนดอนได้ไปแลกเปลี่ยนแนวคิดในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหา ซึ่งได้นำเรียนผู้ว่าฯไปแล้วเพื่อให้มีการหารือแลกเปลี่ยนไอเดีย นวัตกรรมกันในเร็วๆนี้

ในส่วนของการเชื่อมสัมพันธ์สร้างความร่วมมือกับสภาของเมืองต่างๆ ทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม และแนวทางการบริหารเมือง จากที่ตนดำรงตำแหน่งประธานสภากรุงเทพมหานคร 1 ปี ได้เชื่อมความสัมพันธ์สภาเมืองใหม่ โดยนำคณะสภากทม.เดินทางไปเยือน เมืองฮอนโนลูลู รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการหารือความร่วมมือในหลายด้าน อยู่ระหว่างเตรียมการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกัน ซึ่งทางสภาเมืองฮอนโนลูลูจะเดินทางมา MOU ในปีนี้ นอกจากนี้ จะมีการเชื่อมสัมพันธ์อีก 2 เมือง คือ มุมไบ ประเทศอินเดีย และ โรม ประเทศอิตาลี อยู่ระหว่างดำเนินการในเรื่องเอกสารข้อตกลงความร่วมมือ จะให้ทันในวาระ จะได้เพิ่มสภาบ้านพี่เมืองน้องกับสภากรุงเทพมหานครได้อีก 3 เมือง

“การทำงานสภากทม. เราต้องช่วยกันขับเคลื่อน การที่จะไปทำ MOU กับเมืองต่างๆ เป็นการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ทางความคิด แลกเปลี่ยนการบริหารจัดการ การบริหารเมืองในรูปแบบใหม่รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆที่เกิดขึ้น ถือเป็นหน้าที่ทั้งของสภากทม.และฝ่ายบริหาร ที่จะต้องช่วยกันผลักดันให้ทั่วโลกรู้จักกรุงเทพมหานครมากขึ้น ต้องผลักดันในทุกมิติ ทั้งอาหารไทย และซอฟต์พาวเวอร์อื่น จะช่วยผลักดันเม็ดเงินให้เข้ามาในประเทศเราได้มากขึ้น“ ประธานสภากทม.กล่าว

นอกจากนี้ นายสุรจิตต์ หรือ ดร.จอนห์ กล่าวถึงการทำงานในพื้นที่ในฐานะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ว่า  “3 ปีที่ผ่านมา สมาชิกสภาได้นำปัญหาประชาชนมาอภิปราย เสนอญัตติ กับฝ่ายบริหารเกิดการแก้ไขปัญหาร่วมกัน อยากให้เห็นสภากทม. เป็นสภาที่เปิดกว้าง โปร่งใส เข้าถึงประชาชน ส่วนตัวผมได้ทำงานแก้ไขปัญหาประชาชนมาตลอด มีสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง เนื่องจากเรื่องงบประมาณ บางอย่างก็ได้เสนอฝ่ายบริหารไปแล้ว แต่ก็เข้าใจถึงการจัดลำดับความสำคัญของเขต ในอีก 1 ปีนี้ก็จะยังคงแก้ไขปัญหาประชาชนรวมถึงบำรุงสุขในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมได้ทำมาตั้งแต่ก่อนเข้ามาเป็นสมาชิกสภากทม.แล้ว ส่วนอนาคตจะลงต่อหรือไม่ต้องให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ อาจมีการทำโพลล์ให้ประชาชนบอกว่าอยากให้ลงต่อหรือไปในบทบาทไหนก็ยินดีรับใช้พี่น้องประชาชน“

037