‘ชัชชาติ‘ ยัน ‘กทม.ไม่มีจ่ายเงินค่ารื้อถอนทั้งสิ้น’ ลั่น! ปัญหาอุโมงค์คลองเปรมฯ ต้องเร่งย้ายชุมชนออก / สนน.เผยติดบ้านรุกล้ำช่วงคลองบางเขน ไม่ยอมย้าย ยังเข้าพื้นที่ไม่ได้

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการอุโมงค์ระบายน้ำคลองเปรมประชากร ว่า ปัญหาหลักคือการย้ายชุมชนออกจากคลอง เรามีชุมชนที่ยังอยู่ในพื้นที่มากเป็นหลัก 1,000-2,000 ก็ต้องเร่ง บางชุมชนยังคุยกันไม่จบ แต่มีความก้าวหน้าไปเยอะ โครงการนี้มีหลายหน่วยงาน ที่ดินเป็นของกรมธนารักษ์ มีสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.) พัฒนาที่อยู่อาศัย และ กทม. ต้องทำงานร่วมกัน ในส่วนการรื้อถอนต้องยืนยันว่า “กทม.ไม่มีการจ่ายเงินค่ารื้อถอนทั้งสิ้น” อย่าเข้าใจผิด แต่พยายามจะหาที่ดินให้ไปสร้างบ้านมั่นคงเพื่อให้อยู่ได้มั่นคงชีวิตดีขึ้น โดยไปเช่ากับกรมธนารักษ์ ที่ผ่านมาเราทำไปได้ค่อนข้างเยอะ หลายพันหลังแก้ปัญหาไปได้ก้าวหน้ามากกว่าคลองลาดพร้าว เมื่อเราทำเขื่อนเสร็จ ทำบ้านเสร็จ คุณภาพชีวิตดีขึ้น ไม่มีขยะ ห้องน้ำที่ถ่ายลงคลอง บริเวณคลองนั้นก็จะดีขึ้น ก็เร่งดำเนินการอยู่เพราะคลองเปรมฯ เป็นคลองสำคัญที่จะช่วยระบายน้ำออกจากโซนเหนือ เขตดอนเมือง หลักสี่ จตุจักร ถ้าทำได้จะช่วยให้การระบายน้ำดีขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักการระบายน้ำ โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองเปรมประชากรจากคลองบางบัวลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5.7 เมตร ความยาว 13.6 กม. ก่อสร้างอาคารรับน้ำพร้อมปล่องอุโมงค์ 4 แห่ง และ ก่อสร้างสถานีสูบน้ำและอาคารระบายน้ำขนาด 60 ลบ.ม./วินาท 1 แห่ง เริ่มสัญญา 9 กันยายน 2564 สิ้นสุด 13 สิงหาคม 2569  วงเงินค่าก่อสร้าง 8,233,300,000 บาท (สัดส่วน: รัฐบาล 70% และ กทม. 30%) วัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่เขตดอนเมืองตอนล่าง เขตสายไหม เขตหลักสี่ บางส่วนของเขตบางเขน และเขตจตุจักร โดยมีพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์ครอบคลุมประมาณ 109 ตารางกิโลเมตร และระบายน้ำหลากจากพื้นที่ด้านบนของกรุงเทพมหานครได้เพิ่มขึ้น 5,000,000 ลบ.ม./วัน รวมถึงเจือจางน้ำเสียในช่วงฤดูแล้ง

โครงการฯ มีปัญหาอุปสรรคเรื่องการเข้าพื้นที่ก่อสร้างอาคารรับน้ำ 3 แห่ง ดังนี้ 1. อาคารรับน้ำคลองบางบัว มีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่ก่อสร้างและมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบ้านรุกล้ำไม่ยินยอมย้ายออกจากพื้นที่ (ชุมชนร่วมใจพัฒนากลาง เขตบางเขน) มีผู้รุกล้ำ 23 ราย ผู้รับจ้างไม่สามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ และบ้านรุกล้ำไม่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงจาก พอช. ได้แก้ไขโดยย้ายตำแหน่งอาคารรับน้ำไปตำแหน่งตรงข้ามและปรับขนาดอาคารจากความยาว 106 เมตร ความกว้าง 15.45 เมตร ปรับเป็นความยาว 75.45 เมตร ความกว้าง 15.60 เมตร โดยยังคงประสิทธิภาพการรับน้ำได้ 60 ลบ.ม./วินาที ตามที่ออกแบบไว้ กรมธนารักษ์อนุญาตให้ใช้ที่ราชพัสดุ เมื่อวันที่ 26 เม.ย.66 สามารถเข้าปรับพื้นที่ได้ 14 พ.ค.67

2. อาคารรับน้ำคลองเปรมประชากร ตอนวัดหลักสี่ มีสิ่งปลูกสร้างรุกล้าพื้นที่ก่อสร้างและมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบ้านรุกล้ำไม่ยินยอมย้ายออกจากพื้นที่ (ชุมชนศิษย์หลวงปู่ขาว เขตหลักสี่) ผู้รับจ้างไม่สามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ โดยบ้านรุกล้ำทั้งหมด 19 หลัง เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง จากพอช. กทม.แบ่งพื้นที่ให้กับ พอช. เพื่อสร้างบ้านมั่นคง 40 เมตรและแก้ไขแบบอาคารรับน้ำให้สร้างอยู่ในพื้นที่ 75 เมตร สามารถเข้าปรับพื้นที่ได้เดือน ก.ย.66

3. อาคารรับน้ำคลองเปรมประชากร ตอนคลองบางเขน มีสิ่งปลูกสร้างรุกล้าพื้นที่ก่อสร้างและมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบ้านรุกล้ำไม่ยินยอมย้ายออกจากพื้นที่ ผู้รับจ้างไม่สามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ มีบ้านรุกล้ำทั้งหมด 45 หลัง เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงจาก พอช. 28 หลัง ไม่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง 17 หลัง แก้ไขโดย กทม.แบ่งพื้นที่ให้กับ พอช. เพื่อสร้างบ้านมั่นคง 49 เมตรและแก้ไขแบบอาคารรับน้ำให้สร้างอยู่ในพื้นที่ 51 เมตร ยังมีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่ก่อสร้าง 29 หลัง เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง 12 หลัง รื้อย้ายแล้ว 4 หลัง ไม่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง 17 หลัง  แนวทางแก้ไข ทางเลือกที่ 1 รอชาวบ้านรื้อย้าย (ผู้รับจ้างไม่สามารถก่อสร้างปล่องอุโมงค์ และขุดเจาะอุโมงค์ได้ทันตามแผนงานขุดเจาะอุโมงค์) ปัจจุบัน พอช. ได้รับเอกสารอนุญาตก่อสร้างบ้านมั่นคงเรียบร้อยแล้ว แต่ชาวบ้านรื้อย้ำยออกจากพื้นที่เพียง 4 หลัง  ทางเลือกที่ 2 ขุดเจาะอุโมงค์จากอาคารรับน้ำรัชดาภิเษกไปยังอาคารรับน้ำวัดหลักสี่ โดยขุดเจาะผ่านอาคารรับน้ำคลองบางเขนไปก่อน (อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมข้อมูลและจัดทำรายละเอียดด้านเทคนิค) ปัจจุบันยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้

ด้านนายเจษฎา จันทรประภา ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการฯ ว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างขุดเจาะอุโมงค์หัวเจาะที่ 1 จากอาคารรับน้ำรัชดาภิเษกไปอาคารรับน้ำคลองบางบัว และคาดว่าจะขุดเจาะอุโมงค์หัวเจาะที่ 2 จากอาคารรับน้ำรัชดาภิเษกไปยังสถานีสูบน้ำปากคลองซุงประมาณเดือน ธ.ค. 68 ทั้งนี้ ในช่วงอาคารรับน้ำคลองเปรมประชากรตอนคลองบางเขนอยู่ระหว่างการเจรจาขอให้รื้อย้ายออก ตามแผนงานโครงการก่อสร้างอุโมงค์คลองเปรมฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2572 หากแล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่เขตดอนเมือง เขตหลักสี่ เขตสายไหม เขตบางเขน และเขตจตุจักร

036