ตำรวจ บก.ปอท.กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB รวบขบวนการ ตั้งเพจหลอกประมูลนาฬิกายี่ห้อหรู “Vintage Watch”
วันนี้ (19 มิ.ย.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB มอบหมายให้ พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ท.ชัยเวง พาด้วง พ.ต.ท.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์ พ.ต.ท.จักรพงษ์ รุ่งกำจัด พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ พ.ต.ต.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์ สว.กก.2 บก.ปอท.นำกำลังจับกุม
1.นายนิธิภัทร์ อายุ 41 ปี 2.น.ส.แอน อายุ 39 ปี 3.นายภานุมาส อายุ 27 ปี 4.MR. WIN อายุ 34 ปี สัญชาติเมียนมา 5.นายคำแก้ว อายุ 47 ปี (บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน) 6.น.ส.ธัญชนก อายุ 52 ปี และ 7.น.ส.ฝ้ายคำ อายุ 37 ปี (บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน) ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3295-3301/2568 ลงวันที่ 9 มิ.ย.2568 ตามลำดับ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน , สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน , ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่ จับกุมผู้ต้องหาที่ 1-2 ได้ในพื้นที่ อ.แกลง จ.ระยอง ส่วนผู้ต้องหาที่ 3-4 จับกุมในพื้นที่ ต.ปะตง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี และผู้ต้องหาที่ 5-7 จับกุมได้ในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
การจับกุมครั้งนี้ เนื่องจากเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้พบโพสต์โฆษณาบนเฟซบุ๊กชื่อเพจ“Vintage watch” โฆษณาเปิดประมูลนาฬิกาข้อมือวินเทจ โดยเพจดังกล่าว มีผู้เข้ามากดไลค์ มากกว่า 2 พันไลค์ อีกทั้งมีบุคคลอื่นเข้าร่วมประมูลเป็นจำนวนมาก (น่าเชื่อว่าเป็นหน้าม้า) เมื่อผู้เสียหายพบเห็นโพสต์ดังกล่าวจึงเกิดความสนใจ ก่อนจะตัดสินใจร่วมประมูลโดยใส่ราคาไว้ใต้คอมเมนต์ของโพสต์ ต่อมาจึงมีแอดมินของเพจ ทักเข้ามาในข้อความแมสเซนเจอร์ของเฟซบุ๊ก แจ้งว่าผู้เสียหายชนะการประมูลนาฬิกาในราคา 5,500 บาท มีค่าจัดส่ง 100 บาท รวมเป็นเงิน 5,600 บาท
จากนั้นคนร้ายได้ให้ผู้เสียหายชำระเงินไปยังบัญชีธนาคารของคนร้าย เป็นจำนวน 5,600 บาท ก่อนที่คนร้ายแจ้งว่าผู้เสียหายจะต้องโอนเงินค่าทำประกันสินค้าอีก 2,000 บาท โดยจะได้รับเงินคืนหลังจากทำประกันเสร็จแล้ว ผู้เสียหายจึงโอนเงินไปเพิ่ม รวมแล้วโอนเงินไปทั้งสิ้น 7,600 บาท ต่อมาคนร้ายยังแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงิน 1,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าธรรมเนียมการโอนเงินประกันคืน แต่ผู้เสียหายไม่โอน และเชื่อว่าได้ถูกเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวหลอกลวง ภายหลังไม่ได้รับสินค้าและไม่ได้รับเงินคืน จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.
จากการสืบสวนทราบว่า บวนการดังกล่าวมีการแบ่งหน้าที่กันทำ ลักษณะเหมือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทางเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปอท.จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออำนาจศาลอาญา ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย แบ่งเป็นกลุ่มบัญชีม้า 2 ราย กลุ่มผู้จัดหาบัญชีม้า 2 ราย และกลุ่มที่ทำหน้าที่เป็นคอลเซ็นเตอร์และฟอกเงิน 3 ราย ก่อนที่ช่วงระหว่างวันที่ 15-18 มิถุนายน 2568 ตำรวจ กก.2 บก.ปอท.สนธิกำลังร่วมกับตำรวจ บก.ป. ตำรวจ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย และ ตม.เชียงราย ลงพื้นที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมของกลางและทรัพย์สินต่างๆ ได้แก่ บัญชีธนาคาร/บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 13 รายการ , โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง , ซิมการ์ด 18 อัน , พระเครื่อง 6 องค์ , เงินสด 600,000 บาท , เครื่องนับเงิน 1 เครื่อง และโฉนดที่ดิน 2 ฉบับ มูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท
นอกจากนี้จากการสืบสวนขยายผล ยังทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหากระทำการเป็นขบวนการ โดยผู้ต้องหาบางรายมีหน้าที่จัดหาบัญชีม้า โดยมีการว่าจ้างบุคคลทั่วไปให้เปิดบัญชีธนาคาร พร้อมลงแอปพลิเคชันของธนาคารในโทรศัพท์มือถือ แล้วส่งต่อไปยังบ้านเช่าในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นโทรศัพท์เหล่านี้จะถูกส่งข้ามแดนไปยังออฟฟิศของแก๊งในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เพื่อให้กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นพนักงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในรับโอนเงินจากเหยื่อที่ถูกหลอกลวง และใช้ในการฟอกเงิน ตามคำสั่งของนายทุนชาวจีนซึ่งเป็นเจ้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
จากการตรวจสอบจากระบบแจ้งความออนไลน์ พบว่ามีคดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 16 คดี โดยมีพฤติการณ์หลอกลวงขายสินค้าหลายประเภทผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เปิดเพจขายทุเรียน, ยางรถยนต์, โทรศัพท์, เครื่องตัดหญ้า และปลาอินทรีย์ อีกทั้งตรวจพบยอดเงินหมุนเวียนในคดีนี้มากกว่า 2 ล้านบาท ในระยะเวลา 1 เดือน
สอบสวนน.ส.แอน ให้การว่า เมื่อช่วงเดือน เม.ย.68 ได้ทำงานเป็นพนักงานของรีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.แกลง จ.ระยอง ได้รู้จักกับนายภานุมาส และ MR. WIN ซึ่งเข้ามาพักที่รีสอร์ทอยู่เป็นประจำ ซึ่ง MR.WIN และนายภานุมาส ได้เสนอให้ น.ส.แอน เปิดบัญชีม้า อีกทั้งยังให้ น.ส.แอน หาคนมาเปิดบัญชีม้า และส่งไปบัญชีม้าไปยังบ้านเช่าหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดย น.ส.แอน จะได้ค่าตอบแทนบัญชีธนาคารละ 2,500 บาท
ส่วน MR. WIN และนายภานุมาส ให้การว่า ทำหน้าที่จัดหาบัญชีม้า โดยจะตระเวนไปตามพื้นที่จังหวัดต่างๆ เช่น ระยอง จันทบุรี ชลบุรี สระแก้ว เพื่อหาบุคคลมาเปิดบัญชีม้า โดยจะติดตั้งแอปฯ ธนาคารลงในโทรศัพท์ในลักษณะพร้อมใช้งาน จากนั้นจะส่งโทรศัพท์ดังกล่าว (บัญชีม้า) ไปยัง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อนำส่งต่อไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา โดยได้ค่าตอบแทน 10,000-15,000 บาท / บัญชี
ขณะที่นายคำแก้ว และน.ส.ธัญชนกฯ ให้การว่า มีหน้าที่ตระเวนถอนเงินสดตามสถานที่ต่างๆ เพื่อนำส่งให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และ น.ส.ฝ้ายคำ ให้การว่า ตั้งแต่ช่วงปี 2564 ตนเปิดร้านอาหารอยู่ที่พื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และรับส่งพัสดุจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย มายังประเทศเมียนมา ต่อมาช่วงปี 2567 ได้มีรู้จักกับนายทุนชาวจีนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยนายทุนชาวจีนคนดังกล่าวได้ให้ น.ส.ฝ้ายคำ หาซื้อบัญชีม้าให้ น.ส.ฝ้ายคำ จึงได้ติดต่อซื้อบัญชีม้าจาก MR. WIN เพื่อนำไปให้กับนายทุนชาวจีน อีกทั้งนายทุนชาวจีนคนดังกล่าวยังให้ลูกน้องนำเงินสดที่ได้จากการทำคอลเซ็นเตอร์มาฝากไว้ที่ น.ส.ฝ้ายคำ ในกรณีที่นายทุนชาวจีนเดินทางไปยังต่างประเทศ รอบละประมาณ 400,000-500,000 บาท โดยให้ค่าตอบแทนครั้งละ 10,000-20,000 บาท ต่อมาช่วงเดือนเมษายน 2568 นายทุนชาวจีนได้ชักชวนให้ น.ส.ฝ้ายคำ ไปทำงานที่ออฟฟิศคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา โดยทำหน้าที่เป็นฝ่ายบัญชี ได้รับเงินเดือน 40,000 บาท มีหน้าที่จัดหาบัญชีม้า และบริหารจัดการยอดเงินที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายมา โดยจะโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารต่างๆ หลายๆ ทอด ตามที่นายทุนชาวจีนสั่งการ จากนั้นก็จะให้นายคำแก้ว และ น.ส.ธัญชนก คอยตระเวนถอนเงินสดในพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อนำส่งให้แก่นายทุนชาวจีน อีกทั้งยังรับว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตนทำงานมีรายได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายประมาณ 200,000-300,000 บาทต่อวัน
015
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี